วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563

9 สมุนไพรสยบ!ฝ้าพร้อมสุตรการทำ กระ สิว! รอยดำฝ้า กระ จุดด่างดำ ค่อยๆ จางลง

9 สมุนไพรสยบ!ฝ้า กระ สิว!

ประโยชน์ของพืชผักสมุนไพรไทย นับว่ามีคุณค่าหรือ
สรรพคุณทางยามากมายมหาศาล เพราะนอกจากนำมาปรุงเป็นอาหารแล้ว ใครจะคิดว่าจะสามารถสยบฝ้า กระ สิว ปัญหาโลกแตกของหนุ่มสาวทุกยุคสมัยลงได้



1.ว่านหางจระเข้ 
มีสรรพคุณ ช่วยลดน้ำหนัก ต้านการอักเสบของผิว ลดอาการ
แสบร้อนจากแสงแดด แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใส ชุ่มชื่น ขจัดสิว และมีส่วนช่วยลดการเกิดเม็ดสีผิวเมลานิน จึงลบรอยดำจากฝ้า กระ จุดด่างดำจากสิวได้ดี

นำวุ้นว่านหางจระเข้ปั่น 2-3 ช้อนโต๊ะ + น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ ล้างหน้าให้สะอาด พอกหน้า 20 นาที ล้างหน้าให้สะอาดทำสูตรนี้ทุกวัน เช้า-เย็น จะสังเกตุได้เลยว่ารอยดำฝ้า กระ จุดด่างดำ ค่อยๆจางลง












2.หัวไชเท้า
มีส่วนประกอบของสารไกลโคไซ ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ ช่วย
ในเรื่อง ลดรอยดำอย่างฝ้า กระ จุดด่างดำได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการอักเสบจากสิว ทำให้สิวยุบ 
และแห้งตัวไวขึ้น พร้อมกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ช่วยชำระล้าง
ไขมันภายในรูขุมขน ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย 
ให้ผิวหน้าแลดูอ่อนเยาว์ ผิวหน้าแข็งแรงขึ้น

       นำน้ำหัวไชเท้าแช่เย็น 3 ช้อนโต๊ะ + ดินสองพอง 1 เม็ด
 + น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ผสมเป็นเนื้อครีม พอกหน้า 15-20 นาที
ล้างออกให้สะอาด
       หัวไชเท้าสดมีฤทธิ์แสบร้อน หากนำหัวไชเท้ามาพอกสดๆ
อาจไม่เหมาะกับผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่ายแน่นอน แต่สำหรับใคร
ที่ใช้ได้ก็จะเห็นผลชัดเจนเลยว่ารอยฝ้าจางลงได้จริง



3.ใบบัวบก
สรรพคุณ มีส่วนช่วยในการสร้างเซลล์ใหม่ให้แข็งแรงขึ้น
พร้อมทั้งช่วยในเรื่องระบบไหลเวียนเลือด จึงช่วยฟื้นฟูเซลล์
ผิวเสื่อมสภาพ ทำให้ปัญหาผิวหมองคล้ำที่เป็นรอยฝ้า กระ
จุดด่างต่างๆลดเลือนลง

       นำใบบัวบก 1 กำมือ + น้ำอุ่นหรือน้ำสะอาด 1 ถ้วย ปั่นให้
เข้ากัน กรองน้ำ ใช้สำลีเช็ดหน้าให้ทั่ว ทิ้งไว้ 15-20 นาที หรือ
พอกจนแห้ง ล้างออกให้สะอาด
       ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือทำทุกวันที่ต้องการ เท่านี้ก็จะ
ช่วยลดรอยฝ้าได้ดี



4.มะละกอ
สรรพคุณ มีเอนไซม์ปาเปน แคโรทีน วิตามิน
ซี ที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในเรื่องการผลัดเซลล์
ผิวได้ดี โดยเฉพาะรอยดำจากสิว รอยฝ้า รอยกระ สามารถลด
เลือนลงได้ แถมยังช่วยให้ผิวหน้านุ่มนิ่ม น่าสัมผัส นอกจาก
นี้ยังสามารถช่วยลดการอักเสบและกระตุ้นการสมานแผลไฟ
ไหม้น้ำร้อนลวกได้

        นำมะละกอสุกบด 1/3 ลูก + น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา + น้ำมะ
นาว 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน ล้างหน้าให้สะอาด นำมาพอก
หน้า 20 นาที ล้างออกให้สะอาด
         ควรทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ทำต่อเนื่องกันหลายเดือน
เพื่อเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่าง



5.มะนาว
สรรพคุณ มีกรดซิดตริก ที่เหมือนสารฟอกสีผิวให้กระจ่างใส
มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมีกรด AHA และ วิตามินซี ที่ช่วยผลัด
เซลล์ผิวเก่า ลดลอยดำจากฝ้า กระ จุดด่างดำจากสิว พร้อม
ช่วยกระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ ให้ขาวใสมากยิ่งขึ้น แถมยังช่วย
ลดความมัน ลดการเกิดสิว และกระชับรูขุมขนได้ดี

        ใช้น้ำมะนาว 2 ลูก + น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน 
ล้างหน้าให้สะอาด พอกหน้า 15-20 นาที ล้างออกให้สะอาด 
        ช่วงเช้า-บ่าย ไม่ควรออกแดดทันทีเมื่อพอกหน้าด้วย
มะนาว เพราะมะนาวมีกรด AHA ทำให้ไวต่อแสงแดดได้
ทางที่ดีควรพอกหน้าช่วงเวลาตอนเย็น หรือก่อนจะนอน



6.หอมแดง
สรรพคุณ มีฤทธิ์ช่วยลดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำจากสิว เพราะมี
สารกำมะถัน วิตามินซี ที่ช่วยลดรอยดำ ต่อต้านอนุมูลอิสระ
ผลัดเซลล์ผิวหมอง ปรับสิวผิวบริเวณนั้นๆให้กระจ่างใส
พร้อมลดอาการอักเสบจากสิวได้ดี

ให้ฝานหอมแดงบางๆ แปะที่รอยฝ้า 10 นาที ล้างออกให้สะอาด
ด้วยหอมแดงมีกำมะถัน ทำให้แสบตาหรือแสบผิวได้ จึงควร
ฝานแล้วแช่ให้เย็นก่อนใช้ เพื่อลดอาการแสบจากหอมแดง



7.มะขามเปียก
สรรพคุณ มี AHA และวิตามินซี ที่มีคุณสมบัติผลัดเซลล์ผิว
หมองคล้ำ ลดการเกิดรอยดำฝ้า กระ ลดรอยสิว รวมถึงช่วย
ทำความสะอาดสิ่งอุดตันในรูขุมขน ลดความมัน และลดการ
เกิดสิวได้ดี

        มะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ + น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ผสมให้เป็น
เนื้อครีม ล้างหน้าให้สะอาด พอกหน้า 15-20 นาที ล้างให้
สะอาด
        ด้วยมะขามเปียก มี AHA จึงไม่เหมาะที่จะออกแดดเลย
ทันที หรือถ้าจำเป็นต้องออกแดด ควรทาครีมบำรุงที่ช่วยให้
ผิวชุ่มชื้น และทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน 15 นาที



8.ใบกระเพรา
สรรพคุณ มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซี ที่มีส่วน
ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดรอยดำจากฝ้า กระ
จุดด่างดำจากสิวได้

        ใบกระเพราะแห้งป่น 1 ช้อนโต๊ะ + น้ำอุ่น 1 ถ้วย ผสม
ให้เข้ากัน แล้วใช้สำลีชุบน้ำทาบริเวณที่เป็นกระ ทิ้งไว้ให้แห้ง
แล้วล้างออกให้สะอาด ควรทำทุกวัน เช้า-เย็น



9.ขมิ้น
สรรพคุณ อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น
วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี แคลเซียม ธาตุฟอส
ฟอรัส ธาตุเหล็ก เกลือแร่ต่างๆ ที่มีสรรพคุณทางยาที่รักษา
อาการและโรคหลายชนิด โดยเฉพาะรักษาโรคเกี่ยวกับผิวหนัง
อย่าง สิว ฝ้า กระ กราก เกลื้อน และแผลต่างๆ

        ผงขมิ้นชัน 1 ช้อนชา + น้ำมะนาวสด 1 ช้อนชา +
นมสด 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน นำมาพอกหน้า หรือนวด
จุดที่มีรอยดำ
15 นาทีขึ้นไป หรือทิ้งไว้จนแห้ง ล้างออกด้วยน้ำอุ่น กระชับ
ผิวด้วยน้ำเย็น
        เพื่อให้ผลลัพธ์ดีขึ้น ควรทำทุกวัน หรือสัปดาห์ละ 3 ครั้ง


ที่มาข้อมูลอ่านเพิ่มเติม -  โครงการอนุรักษ์พันธุกรรม
พืชอันเนื่องมาจาก
รพะราชดำริ,โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ,http://www.herbandherthailand.com

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563

สบู่ dani dani soap สมุนไพรจากธรรมชาติดีอย่างไร ?






สบู่สมุนไพรจากธรรมชาติดีอย่างไร ?
สมุนไพรได้ถูกค้นพบเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ ภูมิปัญญาไทยสมัยโบราณค้นพบว่าเป็นยารักษาโรคและเครื่องประทินผิว ด้วยคุณประโยชน์ของสมุนไพรที่หลากหลายจึงได้มีการนำมาใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในการทำสบู่สมุนไพรจากธรรมชาติ 

  เช่น dani dani soap ซึ่งนอกจากจะให้สรรพคุณนอกเหนือจากการทำความสะอาดร่างกายแล้วยังสามารถช่วยบำบัดและดูแลผิวได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย




สมุนไพรที่ใช้ในการทำสบู่เช่น 

    ขมิ้นชัน มีสารออกฤทธิ์คือ เคอร์คูมิน ดีเมท็อกซี่เคอร์คูมิน บิสดีเมท็อกซี่เคอร์คูมิน มีฤทธิ์ช่วยสมานแผลและเร่งการสร้างเนื้อเยื่อ ระงับการเจริญของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง และลดการอักเสบ
มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราอันเป็นสาเหตุของโรคกลาก




ดังนั้นการเลือกใช้พืชสมุนไพรชนิดใดมาเป็นส่วนผสม นิยมเลือกใช้ตามสรรพคุณทางยา โดยดูจากสรรพคุณของสมุนไพรจากตำราหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น สารสกัดที่ได้จากสมุนไพรในธรรมชาติมีความปลอดภัยมากกว่ายาหรือสารสังเคราะห์ทางเคมี ซึ่ง dani dani soap  ผลิตจากสมุนไพรแท้จากธรรมชาติ จึงปลอดภัยกับผู้บริโภคอย่างแท้จริง





ความมหัศจรรย์ของสบู่สมุนไพรอยู่ที่ 

การไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ 
ซึ่งสมุนไพรมีสารเคมีในธรรมชาติอยู่แล้ว 
ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีสังเคราะห์ที่เป็นอันตราย และต้นทุนสูง อาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรือระคายเคืองได้




อยากผิวสวยกระจ่างใสต้องทำแบบนี้จ้า




เคล็ดลับผิวสวย 

อยากมีผิวขาวใส เปล่งประกายออร่าไปทั้งเนื้อทั้งตัว แต่ไม่รู้วิธีไหนจะใช้ได้ผล ลองดูวิธีนี้ดูซิคะ




เคล็ดลับผิวสวยผิวใส


1. ขัดผิวเพื่อความกระจ่างใส

ขัดผิวเป็นวิธีทั่วไปที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และเผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสกว่าให้เรา สาวๆมักจะขัดผิวหน้า แต่ละเลยผิวกาย งั้นเราต้องเริ่มทำการขัดผิวกายด้วยอุปกรณ์ให้เหมาะกับผิวในแต่ละส่วนด้วยนะคะ เช่น ฟองน้ำ ใยบวบ ใช้ได้กับผิวที่แขนและขา แปรงสีฟันนุ่ม ๆ ใช้ขัดริมฝีปากได้ แปรงขนนุ่มใช้ขัดหลัง และ หินขัดผิวใช้กับเท้า เป็นต้น



2. ทาโลชั่นทุกสัดส่วน
ทาโลชั่นกับผิวนอกร่มผ้าเท่านี้ก็จะทำให้ผิวดูขาวใสเปล่งประกายได้แล้วนะ เพราะผิวสวยส่วนอื่นเองก็ต้องการความชุ่มชื้นเช่นกัน ดังนั้นถ้าอยากมีผิวสุขภาพดีไปทั้งเนื้อทั้งตัว ก็เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หรือโลชั่นทาผิวให้เหมาะสมกับผิว

3. อย่าเปลี่ยนเครื่องสำอางบ่อย
มีคนขี้เบื่อจำนวนไม่น้อยเลยที่ชอบเปลี่ยนยี่ห้อแชมพู สบู่ โลชั่น หรือชอบลองสครับผิวตัวใหม่อยู่เรื่อย ๆ แต่รู้ไหมคะว่าการทำแบบนี้นี่แหละ ที่เสี่ยงให้ผิวเกิดอาการแพ้ และระคายเคือง ฉะนั้นผลิตภัณฑ์ไหนที่ใช้แล้วเวิร์คกับผิว ก็ปักใจใช้ไปนาน ๆ จะดีกว่า สวยไม่เสี่ยงด้วย




4. กันแดดทั้งตัว
ดูแลผิวพรรณด้วยการทาโลชั่นทั้งตัว หรือขัดผิวทุกสัดส่วนอาจไม่เพียงพอ แต่ต้องรวมไปถึงการปกป้องผิวพรรณจากแสงแดดและรังสียูวี ศัตรูตัวฉกาจของผิวขาวใสด้วย การทาโลชั่นกันแดดทั้งผิวหน้า แขน ขา และผิวใต้ร่มผ้า เพื่อปกป้องยูวีร้ายไม่ให้มาทำลายผิวเรา แนะนำให้ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกฤดูด้วยนะคะ เพราะยูวีไม่ได้มีแค่หน้าร้อน





5. อย่าอาบน้ำอุ่นนานเกินไป

อาบน้ำด้วยน้ำอุ่นมันแสนสบายเสียนี่กระไร แต่ผิวไม่ได้สบายไปด้วยแน่ ๆ เพราะเมื่อผิวเจอความร้อน จะทำให้ความชุ่มชื้นและน้ำมันธรรมชาติในผิวระเหยออกมาได้มากกว่าปกติ จึงอาจทำให้ผิวแห้งไม่ชุ่มชื้น 


แค่นี้เราก็สามารถดูแลผิวได้อย่างง่ายๆ ที่บ้านด้วยตัวเองแล้วจ้า


สรรพคุณสมุนไพรทานาคา







      ทานาคา มีที่มาจากต้นทานาคา ซึ่งมีมากในแถบตอนกลางของพม่า 
     ส่วนที่มีกลิ่นหอมและเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์คือ ส่วนที่เป็นเปลือก 

     การนำทานาคามาใช้จะเลือกต้นทานาคาที่มีอายุราวๆ 35 ปี ตัดเป็นท่อนๆ ขนาดพอดีมือ แล้วใช้ส่วนของเปลือกไม้ไปฝนหรือบดกับหินขัดพร้อมพรมน้ำเป็นระยะ จะได้ออกมาเป็นผงสีออกขาวเหลือง ใช้ทาหน้า ทาตัว ถือเป็นวิธีดั้งเดิม

   ทานาคา มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่สูงมาก และมีสาร OPC และ Curcuminoid ทำให้ทานาคามีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะต่อต้านความเสื่อมของเซลล์และยังช่วยป้องกันการเกิดสิว ด้วยคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และช่วยลดผดผื่นคัน ลดการเกิดจุดด่างดำและฝ้า มีฤทธิ์ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน และยังช่วยป้องกันการทำลายผิวจากรังสียูวีอีกด้วย



สรรพคุณในการดูแลผิวหน้า

1.ปรับผิวหมองคล้ำ ให้ขาวผ่อง อย่างปลอดภัยเพราะเป็นสมุนไพรธรรมชาติ
2.หน้าเนียน นุ่ม ล้างออกมาหน้าไม่แห้งตึง ลูบแล้ว สัมผัสได้ถึงความเนียนของผิว
3.สามารถนำมาแต้มหัวสิวได้ ช่วยลดการอักเสบของสิว สิวจะยุบและแห้งเร็ว ควบคุมความมัน สิวใหม่ไม่เกิด
4.ฝ้า กระ และจุดด่างดำ จางลง อย่างเห็นได้ชัด
5.ลดผดผื่น อาการคัน แดง แสบ จากการแพ้เครื่องสำอาง และสารเคมี หรืออื่นๆ
6.มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ช่วยลดริ้วรอย ร่องลึกได้ดี ผิวหน้าอ่อนเยาว์
7.ป้องกันแดดให้กับผิวได้เป็นอย่างดี
8.รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว จางลง เพราะผิวได้รับการผลัดผิวที่เสื่อมสภาพอย่างอ่อนโยน
9.ระงับกลิ่นตามร่างกาย

dani dani soap เลือกสรรสมุนไพรไทยที่เหมาะกับการดูแลสุขภาพผิวของคุณเช่น ทานาคา ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักสำคัญในสบู่ของเรา

วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2563

มูกุงฮวา คืออะไร



 มูกุงฮวา คืออะไร 
หรือโรสออฟชารอน ดอกไม้ประจำชาติเกาหลี

ดอกมูกุงฮวา (무궁화 / Mugunghwa / Rose of Sharon)
ชื่ออื่นๆ : ชบาจีน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hibiscus syriacus L.
มูกุง หมายถึง ความเป็นอมตะ 
ฮวา มาจากภาษาจีน แปลว่าดอกไม้

ชื่อภาษาอังกฤษของดอกไม้นี้คือ Rose of Sharon
หรือกุหลาบแห่งชารอน ซึ่งหมายถึง ดอกไม้ที่
สวยงามที่เบ่งบานเหมือนกุหลาบบนดินแดนที่พระเจ้าอวยพร 

ดอกไม้ประจำชาติของเกาหลีใต้ หลังได้รับอิสรภาพภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น

คติสำคัญเชิงสัญลักษณ์ของดอกไม้นี้ถอดความออกมาจากศัพท์ภาษาเกาหลีว่า 
มูกุง หมายถึงความเป็นอมตะ ซึ่งสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและความมุ่งมั่นอดทนของชาวเกาหลีใต้ 


มูกุงฮวา ความหมายว่า ดอกไม้ที่เบ่งบานชั่วนิรันดร์กาล เป็นดอกไม้ที่อยู่คู่กับคนเกาหลีมาช้านานและความรักในดอกไม้ชนิดนี้ก็ปรากฏอยู่ในเพลงชาติที่มีเนื้อร้องท่อนที่บอกว่า สายน้ำและภูเขาที่รุ่งโรจน์ผ่านถนนสายมูกุงฮวาที่ไม่มีที่สิ้นสุด


ในเกาหลี มีดอกมูกุงฮวาเป็น 100 พันธุ์ หากแบ่งตามสีของดอก มี 3 กลุ่มคือ
1. ทันชิม : มีสีแดงตรงกลางดอก (ดอกไม้ประจำชาติเกาหลี)
2. แบดัล : ดอกสีขาวล้วน
3. อาซาดาล : บริเวณขอบดอกจะมีจุดสีชมพู


       มูกุงฮวาในต้นเดียวกัน บางต้นให้ดอกได้ถึง 2-3 พันดอก แม้จะมีการตัดตกแต่งหรือย้ายที่ปลูกก็สามารถเติบโตขึ้นได้ 

     มูกุงฮวาเป็นดอกไม้ที่แสดงถึงความหวัง ความเจริญรุ่งเรือง ความมั่งคั่งยั่งยืน 

      มูกุงฮวาจะบานในช่วงเช้าจนถึงเย็นตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมไปจนถึงปลายเดือนตุลาคม

     ดอกมูกุงฮวาก็จะเริ่มผลิบานออกมาให้เห็น และในช่วงที่แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า กลีบดอกก็จะเริ่มหุบลง

วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2562

สบู่รังไหมน้ำผึ้งสูตรครูดานิ ลดฝ้าหน้าเด้ง ใช้น้ำมันอะไรบ้าง






ในการผลิตสบู่แบรนด์ dani dani soap  นั้น 
ใช้น้ำมันในการผลิตถึง 7 ชนิด และใช้น้ำมันพืชคุณภาพสูงทั้งหมด ไม่ใช้ไขมันจากสัตว์ มาเป็นส่วนผสม
  
        น้ำมันที่ แบรนด์ dani dani soap เลือกใช้นั้น ให้คุณสมบัติในด้านต่างๆ เมื่อนำมารวมกัน แล้วผลิตตามกรรมวิธี ของ dani dani soap  ทำให้สบู่มีคุณภาพสูงตามที่ออกแบบไว้ก่อนผลิต




น้ำมันที่ dani dani soap เลือกใช้คือ

1. Palm oil น้ำมันปาล์ม เป็นน้ำมันที่สกัดจากเนื้อปาล์ม ช่วยให้สบู่เป็นก้อนแข็ง และใช้ได้คงทน มีค่าบำรุง หรือค่า Conditioning สูงกว่าน้ำมัน ปาล์มที่สกัดจากเมล็ดปาล์ม

2. Coconut oil น้ำมันมะพร้าว ช่วยให้สบู่เป็นก้อนแข็ง ฟองเยอะ แต่หากใช้เป็นส่วนผสมหลัก หรือใช้เยอะจนเกินไปจะทำให้ผิวแห้งได้ เพราะมีค่าชำระล้างสูงมาก และมีคุณสมบัติในการบำรุงผิวต่ำมาก

3. Palm kernel oil น้ำมันเมล็ดปาล์ม ช่วยให้สบู่มีก้อนแข็ง ฟองเยอะ และ ช่วยเรื่องของการทำความสะอาดผิว แต่มีคุณสมบัติในการบำรุงต่ำมาก

4. Sunflower oil น้ำมันดอกทานตะวัน เป็นน้ำมันที่มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวสูงมาก เพราะมีค่า Conditioning สูง dani dani soap จึงเลือกใช้เป็นส่วนผสมหลักในการผลิตสบู่ แต่น้ำมันดอกทานตะวันไม่ช่วยในเรื่องของการทำความสะอาดผิว เรื่องฟอง และความแข็งของก้อนสบู่




5. Rice barnoil น้ำมันรำข้าว เป็นน้ำมันที่มีคุณสมบัติเรื่องของการบำรุง หรือ มีค่า Conditioning ค่อนข้างสูง แต่ไม่ช่วยในเรื่องของ การทำความสะอาดและฟอง

6. Olive oil น้ำมันมะกอก เป็นน้ำมันที่มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวได้ดี เพราะมีค่า Conditioning สูง แต่ก็ไม่ช่วยในเรื่องการทำความสะอาดผิว และฟอง เช่นกัน

7. Castor oil น้ำมันละหุ่ง เป็นน้ำมันที่มีค่า Conditioning สูงมากที่สุด ในส่วนผสมทั้งหมด และสามารถช่วยในเรื่องของฟอง ได้ดีที่สุด และเนื่องจากน้ำมันละหุ่งเป็นน้ำมันที่มีคุณค่าบำรุงสูงมาก หากใส่เป็นส่วนผสมในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้สบู่นิ่มเกินไปได้




      สรุปได้ง่ายๆว่า
น้ำมันที่มีคุณสมบัติในเรื่องการทำความสะอาด การช่วยให้สบู่เป็นก้อนแข็งและ เรื่องฟอง จะมีคุณสมบัติในการบำรุงผิวได้น้อย 

ในทางกลับกัน น้ำมันที่มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวได้ดี หรือ ได้สูงๆ จะไม่สามารถช่วยให้สบู่มีความแข็ง ไม่สามารถช่วยในการทำความสะอาดผิวได้ดีนัก และน้ำมันที่มีคุณสมบัติในการบำรุงสูงจะไม่มีคุณสมบัติเรื่องฟอง ( ยกเว้นน้ำมันละหุ่ง )

จะเห็นได้ว่าหากเลือกใช้สัดส่วนน้ำมันไม่ถูกต้อง จะไม่สามารถผลิตสบู่ที่ดีได้ เพราะสบู่ที่ดี ไม่ได้หมายถึงสบู่ต้องเป็นก้อนแข็ง และมีฟองมากมาย




หากเลือกใช้น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม มากเกินไป จะได้สบู่ที่ก้อนแข็งมาก และ มีฟองมากมายท่วมท้น แต่เมื่อคุณใช้สบู่แบบนั้นแล้ว ผิวของคุณจะค่อยๆสูญเสียสมดุลย์ไป เพราะค่าชำระล้าง หรือ การทำความสะอาดที่มากเกินไป ในกรณีที่ผิวบอบบางอาจทำให้ผิวแห้งมากขึ้นได้ ซึ่งการใช้สบู่ที่ไม่มีความสมดุลย์เช่นนั้น ไม่ต่างอะไรกับคุณใช้สบู่ที่ผลิตมาจากสารเคมี ประเภทหัวแชมพู และสารสร้างฟอง

dani dani soap จึงคัดสรรค์ส่วนผสมเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้สบู่ที่ดีที่มีคุณภาพสูง สบู่ของ dani dani soap มีคุณค่าในการบำรุงผิวพรรณได้สูง และ มีค่าการทำความสะอาดผิวที่พอเหมาะ สามารถใช้ได้ทั้งผิวหน้า และผิวกาย และใช้ได้ทุกสภาพผิว
 






เนื่องจากสบู่ของ dani dani soap มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวสูงกว่าสบู่ทั่วไป ในช่วงแรก สบู่ของ dani dani soap อาจจะค่อนข้างนิ่ม แต่เมื่อเวลาผ่านไปเกิน 1 เดือนแล้ว สบู่จะค่อยๆเซ็ทตัวมากขึ้นและมีความแข็งขึ้น dani dani soap จึงจัดจำหน่ายสบู่ทุกตัว หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว และหากใช้งาน และเก็บรักษาสบู่ omsiam อย่างถูกวิธี จะช่วยให้ยืดอายุการใช้งานสบู่ ไห้นานขึ้นได้


สังเกตุผิวคุณ เมื่อใช้สบู่ 
ความชุ่มชื้นจากการใช้สบู่คือแบบไหน 
คุณทราบหรือไม่ แล้วคุณเคยสังเกตุหรือไม่ 
ว่าหลังจากที่คุณล้างสบู่ออกจากร่างกายแล้ว 
ผิวของคุณเป็นแบบไหน

1.  หลังจากล้างทำความสะอาดสบู่ออกจากร่างกายแล้ว ผิวของคุณ เหมือนมีอะไรเคลือบอยู่ และ ลื่นๆ เหมือนคุณยังล้างตัวไม่สะอาด นั่น ไม่ใช่เพราะผลิตภัณฑ์ นั้น มีคุณสมบัติในการบำรุงผิว แต่เป็นเพราะผลิตภัณฑ์ตัวนั้น ใส่ซิลิโคน ที่ช่วยให้เกิดความรู้สึกลื่น เหมือนความชุ่มชื้น ผลิตภัณฑ์ทั่วไปมักจะผสมซิลิโคนไว้

2. หากหลังจากล้างทำความสะอาดสบู่ออกจากร่างกายแล้ว ผิวของคุณ สะอาด แทบจะมีเสียง " เอี๊ยด" เกิดขึ้นบนผิว นั่นก็ไม่ใช่การทำความสะอาดที่ สะอาดหมดจด แต่เป็นการทำความสะอาดที่มากเกินไป จนผิวเสียความชุ่มชื้น เสียสมดุลย์ตามธรรมชาติ





สิ่งที่ผิวพรรณของคุณจะได้รับ    
เมื่อใช้สบู่ dani dani soap
     ผิวของคุณจะสะอาด และรู้สึกเหมือนมีน้ำมันบางๆเคลือบผิวไว้ แต่ไม่รู้สึกลื่นเหมือนอาบน้ำแล้วล้างตัวไม่สะอาด การทำความสะอาด ที่สามารถมอบคุณค่าการบำรุงอย่างแท้จริง คุณสามารถพิสูจน์ได้จากสบู่ dani dani soap คะ

ข้อเสนอแนะจาก dani dani soap
       พิสูจน์ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่คุณใช้อยู่  
ว่าให้
ผลลัพท์เช่นไรได้ด้วยการ  เมื่อคุณอาบน้ำและใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่คุณใช้เป็นประจำแล้ว คุณไม่ต้องทาโลชั่นบำรุงผิวตาม 
แล้วคุณจะพบคำตอบที่ชัดเจน ว่าผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้อยู่เป็นเช่นไร ควรจะใช้ต่อไปหรือไม่ ...ความจริงที่คุณพิสูจน์ได้คะ...

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

วิธีเช็คครีมทาให้หน้าขาว-ผิวขาวที่อันตราย ทดสอบง่าย ๆ ได้ด้วยตนเอง!!!



วิธีเช็คครีมทาให้หน้าขาว-ผิวขาวที่อันตราย ทดสอบง่าย ๆ ได้ด้วยตนเอง!!!



ครีมหน้าขาวหลายยี่ห้อ ซึ่งบางยี่ห้อเราก็คุ้นชื่อกันดี มีขายเยอะแยะมากมายทั้งในอินเตอร์เน็ตและร้านค้าเครื่องสำอาง ได้ผสมสารปรอทลงไปประมาณ 8% ซึ่งถือว่าสูงมาก และยังผสม สเตียรอยด์ อีกด้วย ทั้งนี้ ครีมหน้าขาวประเภทนี้ ซึ่งเมื่อเรานำมาทดสอบผลในการเปลี่ยนสีผิวแล้ว จะพบว่ามีความผิดปรกติ

วิธีง่าย ๆ ก็คือ นำครีมต้องสงสัย ทาลงบนกระดาษสีเข้ม ๆ (ต้องเป็นกระดาษไม่อาบพลาสติค) ครีมหน้าขาวที่ผสมปรอท หรือไฮโดรควิโนนในปริมาณสูงดังกล่าว จะทำให้กระดาษสีเข้มเปลี่ยนเป็นสีอ่อนได้ใน 24 ชั่วโมงเท่านั้น ในขณะที่ครีมหน้าขาวที่ไม่เป็นอันตรายจะใช้เวลาประมาณ 7-14 วันในการเปลี่ยนสีของกระดาษนั้น

ครีมหน้าขาวและหน้าใสหลายยี่ห้อผสม สเตียรอยด์ ลงไปด้วย เพราะ สเตียรอยด์ ให้ผลในด้านการลดผดผื่น และทำให้หน้าเรียบเร็ว ไม่ถึง 1 สัปดาห์หน้าจึงขาวใสและเรียบอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากนี้ ถ้าหากนำผลิตภัณฑ์มาตั้งทิ้งไว้สักประมาณ 1 เดือน จะสังเกตเห็นลักษณะทางกายภาพที่เปลี่ยนไปดังนี้
- ครีมจะเปลี่ยนเป็นสีเทา สีคล้ำ ๆ หรือเหมือนน้ำเน่า
- ครีมแยกชั้น ส่วนของเหลวและเป็นน้ำจะลอยขึ้นด้านบน
- บรรจุภัณฑ์เปื่อยและผุ

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการบางราย นำเอาส่วนผสมที่ดีไปผสมกับ สารปรอท ไฮโดรควิโนน และ สเตียรอยด์ เพื่อลดต้นทุนการผลิต เพราะส่วนผสม Whitening ที่มีคุณภาพอย่างเช่น Alpha-arbutin นั้น มีีราคาสูงมาก ทำให้ต้นทุนแพง ซึ่งเมื่อโจทย์ของผู้บริโภคคือ ต้องการของถูกและเห็นผลเร็ว จึงเป็นช่องว่างให้ผู้ประกอบการเหล่านี้กระทำการดังกล่าว

หลาย ๆ ยี่ห้อ ส่วนผสมเอามาจากจีนทั้งหมด ทำในจีน และนำเข้าจากจีน แต่เขียนฉลากติดว่า Made in USA ก็มีค่ะ
และยังมีอีกตัวที่ต้องระวังคือ “ครีมกวนมือ” ซึ่งเป็นครีมที่ผู้ประกอบการซื้อครีม หรือวัตถุดิบจากแหล่งต่างๆ นำมาผสมเอง โดยไม่ได้ควบคุมคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ ไม่ได้ทำในห้องแล็บคุณภาพ ซึ่งสิ่งที่มักจะสังเกตเห็นได้คือ เมื่อทิ้งไว้นานสัก 1 เดือน ครีมจะแยกน้ำแยกเนื้อ และบรรจุภัณฑ์สีเปลี่ยนหรือผุกร่อน ครีมเหล่านี้ ต้นทุนจะถูกมาก แต่ขายแพงมาก และคนขายไม่กล้าใช้เอง เพราะรู้ว่าในนั้นมีอะไรและเป็นอย่างไร
และบางโอกาสจะขายถูกมาก เพราะของจะเสื่อมเร็ว จึงต้องรีบขายออกไปเร็ว ราคาจึงเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้ระบายของได้เร็วนั่นเอง

เวลาซื้อครีม ลองถามคนขายด้วยคำถามต่อไปนี้ค่ะ
- “ใช้เองไหม” จะรู้ได้เวลาที่เค้าอธิบายวิธีใช้ ดูว่าเค้าอธิบายอย่างไร ชัดเจนไหม วกวนไหม ดูเลื่อนลอยไหม ตอบตรงคำถามเรารึเปล่า ถ้าของไม่ดี คนขายจะไม่ใช้เอง เพราะคนขายคือคนที่รู้ดีที่สุดว่า ของที่ตัวเองนำมาขายนั้นเป็นอย่างไร

- “ผลิตที่ไหน” ระวังเจอคำตอบที่ไม่จริง มีหลายแห่งถูกจับได้เป็นข่าวฉาวโฉ่ภายหลัง

- “เก็บไว้ได้นานเท่าไหร่” ครีมดี ๆ จะเก็บไว้ได้เป็นปี ไม่ใช่เป็นเดือน หมายถึงตอนยังไม่แกะบรรจุภัณฑ์นะคะ อย่างมากก็ต้องเป็นปีแน่นอน แต่ถ้าเป็นครีมที่มีวิตามินซีหรือสารที่สลายง่าย ก็ไม่ควรเก็บไว้นานเป็นปี เพราะทุกครั้งที่เปิดใช้ สารจะสลายไปเรื่อย ๆ ทำให้ประสิทธิภาพลดลง ยกเว้นบรรจุภัณฑ์ที่เป็นรูปแบบกด แบบนั้นจะใช้ได้นานหน่อยค่ะ แต่ก็ไ่ม่ควรข้ามปีอยู่ดี

- ควรอ่านฉลากทุกครั้ง แต่ฉลากอาจไม่ใช่เรื่องจริง แต่สามารถใช้สืบหาแหล่งที่มาได้ เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ จึง ควรเก็บกล่อง – แพ็คเกจจิ้งของครีมไว้ก่อน เผื่อในกรณีมีปัญหา