วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ทำอย่างไรให้ยอดขายออนไลน์ มีมาอย่างต่อเนื่อง


ทำอย่างไรให้ยอดขายออนไลน์ มีมาอย่างต่อเนื่อง

เปิดร้านขายของออนไลน์ใคร ๆ ก็อยากขายสินค้าให้ได้เยอะ ๆ จริงไหมคะ แต่จะทำอย่างไงดีนะ ให้สิ่งที่ต้องการเป็นความจริง ง่ายๆ ก็ทำตามแบบที่คนอื่นเขาทำเหมือนกันสิ

เราจะคิดแบบนี้ ก็ไม่ผิดคะ แต่อย่าสงสัยก็แล้วกัน ว่าทำไมร้านของเรามันไม่รุ่งกับเขาซะที ไม่ค่อยมีคนเข้ามาชมและซื้อสินค้าเลย และหากร้านค้าของคุณเงียบเหงาเป็นเวลานาน ๆ  คำว่าเจ๊งจะมาเคาะประตูเรียกได้นะคะ
ประเด็นก็คือ พอคุณทำอะไรเหมือนๆกับคนอื่น ลูกค้าก็คิดว่า เลือกซื้อกับใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคุณหนิคะ
วันนี้ครูดานิเลยมี เทคนิคสร้างความแตกต่าง บนโลกออนไลน์มาฝากกันคะ มาดูว่าเราจะทำอะไรให้แตกต่างได้บ้างคะ

1.อย่าเน้นทำโฆษณามากเกินไปแต่หันมาทำคอนเทนต์ให้มาก
จะว่าไปแล้วโลกในยุค 2017  ต่างจากยุคที่การโฆษณาเคยรุ่งเรืองมากแบบคนละเรื่องกันเลยนะคะ
เราจะเห็นว่าปริมาณของสื่อหรือข้อมูลข่าวสารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พอข้อมูลมากเกิน คนก็จะตัดข้อมูลที่ไม่น่าสนใจออก
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ โฆษณาสินค้าทั้งหลายแหล่นั่นเอง สิ่งนี้บอกอะไรกับเราได้บ้าง คือ คนไม่ได้ต้องการจะซื้อสินค้าตลอดเวลา เขาเข้า Social Media หรือเล่นอินเตอร์เน็ต ส่วนใหญ่เพื่อความบันเทิง และรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง
เราต้องหันกลับมายอมรับความจริงที่ว่า การทำโฆษณาแบบเดิม ๆ นั้นมีประสิทธิภาพลดลงไปเรื่อย ๆ
ดังนั้น จะเป็นการดีกว่าไหม ถ้าจะทำการตลาดโดยไม่มุ่งเน้นการทำโฆษณาเหมือนเมื่อก่อน แต่หันมาผลิตคอนเท้นต์ที่มีคุณภาพแทนคะ ขณะที่คนส่วนใหญ่ยังคิดแต่จะขายของแหลก การทำคอนเทนต์ดีๆ จะสร้างความแตกต่างให้คุณได้แน่นอนครับ

2.ทำการตลาดให้ครบทุกช่องทางที่ลูกค้าอยู่
การมีหลายช่องทางก็เป็นการเพิ่มโอกาสในการทำการตลาดได้ง่ายขึ้น การมีเครื่องมือในการทำการตลาดที่หลากหลายย่อมเป็นผลดี ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและตรงกับสภาวะการณ์ ที่ผู้คนเริ่มหันมาช้อปทางออนไลน์กันมากขึ้น
เวลาคนเราอยากได้ของอะไรสักชิ้นหนึ่ง สิ่งที่พวกเขาทำก็คือการค้นหาสินค้าบนกูเกิ้ล เมื่อเจอสินค้าที่ตนต้องการแล้ว
ก็ทำการตรวจสอบแต่ละเว็บไซต์ แฟนเพจ ว่าธุรกิจของคุณมีตัวตนจริง ๆ หรือไม่ หรือบางที ลูกค้าอาจเจอคุณก่อนผ่านแฟนเพจ แล้วเขาค่อยไปดูความน่าเชื่อถือผ่านเว็บไซต์ก็ได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ ร้านค้าออนไลน์ของคุณจึงต้องมีข้อมูลครบถ้วนและสื่อสารออกไปในทุกช่องทางคะ
เว็บไซต์ก็ต้องมีแฟนเพจก็ต้องทำและถ้าลูกค้าเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่น Instagram คุณก็ต้องมี Instagram
ในขณะที่ร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่ มีแต่เพจบนเฟซบุ๊ค การมีช่องทางสื่อสารครบวงจร นอกจากจะทำให้คุณแตกต่างยังช่วยให้ร้านมีความน่าเชื่อถือและมีผลต่อลำดับการค้นหาในกูเกิ้ลอีกด้วยคะ

3.อย่าขายแค่สินค้า จงขายประสบการณ์
คนส่วนใหญ่ยังคิดแต่จะขายสินค้าคะ แต่จริงๆแล้วลูกค้ายุคนี้ ต้องการมากกว่าสินค้า เช่น แพคเกจจิ้ง ก็เป็นประสบการณ์อย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนหน้าตาของธุรกิจ ที่ลูกค้าเห็นแวบแรกแล้วก็หยุดดูด้วยความสนใจ หรือการบริการ ก็เช่นกัน
หากสินค้าดี แต่บริการแย่ ก็จบเห่ได้ง่ายๆคะ และยิ่งช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ดีกว่าเจ้าอื่นด้วย จะทำให้เกิดการบอกต่อ ส่งผลดีต่อธุรกิจเรา ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ให้มากนะคะ แม้จะดูจับต้องยาก แต่ลูกค้าสัมผัสได้เสมอคะ
4.สร้างกลุ่มสังคมให้ลูกค้า
แทนที่จะเอาแต่ขาย หากเรากลายเป็นคนกลางในการสร้างสังคม ที่ให้ลูกค้าที่มีความสนใจสินค้าคล้าย ๆ กัน มาร่วมกันแสดงความคิดเห็น นำเสนอให้คำแนะนำ ข้อเสนอแนะ ในการใช้สินค้า มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะกลุ่มทางเฟซบุ๊ค หรือไลน์

5.ดึงตัวตนออกมาใช้ในแบรนด์
ไม่มีอะไรแตกต่างไปกว่า การดึงตัวตนของตัวเองออกมาใช้กับแบรนด์แล้วคะ เพราะตัวเรานั้น มีเพียงคนเดียวในโลก ไม่มีใครเหมือน การดึงตัวตนคุณมาใช้ในแบรนด์ ย่อมไม่มีใครเลียนแบบได้แน่นอน เช่น ถ้าเราเคยเป็นเจ้าหน้าที่ไอที และชอบเลี้ยงแมว แล้วมาทำธุรกิจขายอาหารออนไลน์ ร้านค้าออนไลน์ของเรา  อาจตกแต่งด้วยรูปแมวน่ารัก กล่องแพคเกจจิ้งอาหาร ก็อาจเป็น Collection แมวเหมียว พร้อมมีเทคนิคเด็ดๆ เกี่ยวกับไอที แถมให้กับข้าวกล่อง
เราอาจคิดว่ามันดูตลก ดูไม่เข้ากัน แต่ลองทำดูสิคะ เอาเอกลักษณ์ของเราออกมาสิ แล้วเราจะไม่เสียใจเลยที่ลองทำ
โดยสรุป ช่วงนี้โลกเราเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนับแต่มีอินเตอร์เน็ตเข้ามา การปรับตัวของแม่ค้าออนไลน์ในตลาดก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนตาม อาศัยการวิเคราะห์การตลาดอยู่เสมอ เพื่อทราบความต้องการของลูกค้า และสนองตอบความต้องการ ให้ตรงจุดตรงใจด้วยการทำการตลาดที่เหมาะสม

https://taokaemai.com/author/tkm/

ทำครีมทาฝ้าใช้เองดีกว่า ซื้อทำไมในเมื่อทำเองได้





มาอวดครีมบำรุงหน้าและช่วยลดฝ้าในตัว 
       สาเหตุที่ทำครีมสูตรนี้ขึ้นมา เพราะครูดานิมีปัญหาผิวเยอะมาก เป็นฝ้า เป็นกระ  ริ้วรอยตามวัย ผิวหย่อนคล้อย รูขุมขนกว้าง หน้ามัน เป็นสิว หน้ากระดำกระด่าง ผิวไม่เรียบเนียบ  ชนิดที่ไม่ค่อยชอบส่องกระจกเลย  ไม่กล้ามองหน้าใครด้วย เพราะอายหน้าตัวเอง 

      ใช้ครีมยี่ห้อดัง ๆ มาเยอะมาก ก็ไม่เห็นจะสวยขึ้นมา  บางครั้งใช้แล้วหน้าแดง ใช้แล้วสิวเห่อก็มี ใช้แล้วหน้าคันผดขึ้นอีก  จึงได้เริ่มศึกษาข้อมูล สารแต่ละตัวว่ามีสรรพคุณอะไรบ้าง ช่วยเรื่องอะไร และใช้อย่างไร


      ได้ค้นคว้าสรรพคุณของสารแต่ละตัว ว่ามี สาเหตุที่ทำครีมสูตรนี้ขึ้นมา เพราะครูดานิมีปัญหาผิวเยอะมาก เป็นฝ้า เป็นกระ  ริ้วรอยตามวัย ผิวหย่อนคล้อย รูขุมขนกว้าง หน้ามัน เป็นสิว หน้ากระดำกระด่าง ผิวไม่เรียบเนียบ  ชนิดที่ไม่ค่อยชอบส่องกระจกเลย  ไม่กล้ามองหน้าใครด้วย เพราะอายหน้าตัวเอง 


      
     สรุปสารพวกนี้ ก็คือสารที่เขานิยมใส่ในเครื่องสำอางที่เขาทำขายตามเคาเตอร์แบรนด์นั้นเอง หาไม่ยาก  แต่เมื่อก่อนที่เราใช้แล้วไม่หาย ใช้แล้วสิวขึ้น ใช้แล้วหน้าแดง ก็เพราะมีสารบางตัวที่ไม่เหมาะกับผิวของเราผสมอยู่ในนั้นด้วยนั้นเอง 




     ทำครีมใช้เอง โครตที่จะง่าย ถ้าคุณบอกว่าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรนี้เลยคะ
ทำแค่นี้เอง ง่ายมาก
แค่คุณมีเบสครีม คุณก็สามารถสร้างสรรค์ครีมอะไรก็ได้ เพื่อบำรุงบำเรอผิวของคุณ 
    เมื่อมีเบสครีม คุณจะทำโลชั่น ครีมทาผิว ครีมทาฝ้า ครีมสครับ สามารถทำได้หมด

     ครีมส่วนมากในท้องตลาด มันจะมีส่วนผสมของน้ำเยอะมาก วิตามินบำรุงผิวมีนิดเดียว

แต่ครึมที่เราทำเองเราสามารถใส่วิตามินที่ช่วยบำรุงผิวเราได้เยอะตามใจเรา

    มาดูส่วนผสมครีมทาฝ้าของครูดานิ กันคะ


-มีวิตามินบี 3

-อัฟฟ่าอาร์บูติน
-วิตามินอี
-สารลดเม็ดสีเมลามิน
-สารสกัดหัวไชเท้า
-สารสกัดเมล็ดองุ่น
ฯลฯ 

เยอะขนาดนี้ มั่นใจได้เลยคะว่า ฝ้าลด ฝ้าจาง หน้าขาวกันไปเลยคะ

ครูดานิ






วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ขนาดภาพ Facebook 2019 เรื่องควรรู้ของพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์


ขนาดภาพ Facebook 2019 เรื่องควรรู้ของพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์

การจะขายของออนไลน์ให้ยอดปังๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่สินค้าที่น่าสนใจเท่านั้นนะ แต่การจะโพสต์ภาพสินค้าลงบนเฟซบุ๊ค ก็เป็นส่วนสำคัญที่พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ทั้งหลายมองข้ามไม่ได้ เพราะการจัดวางรูปภาพให้ดูสวยงาม สะดุดตา และมีขนาดภาพที่พอดี ก็จะช่วยทำให้ภาพสินค้าที่เผยแพร่ออกไปดูชัดเจน และน่าช็อปมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ

ภาพปก (COVER PHOTO) และ รูปประจำตัว (PROFILE PHOTO)

เริ่มจากรูป Cover Photo ด้านบนสุดก่อนเลย รูปนี้ใช้ขนาด  851*315 ค่ะ เป็นขนาดมาตรฐานเดิม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรจากเดิม และถัดมานั่นก็คือรูป Profile Photo นั่นเอง ก็ยังคงใช้ขนาดเดิมนั่นก็คือ 180*180 หรือจะใช้เป็น 160*160 ก็ได้เหมือนกันค่ะ







 

และทั้งหมดนี้ก็คือขนาดภาพต่างๆที่ควรนำไปใช้อย่างยิ่ง ซึ่งสามารถนำการจัดวางภาพต่างๆเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กับคอนเทนต์ ทำให้คอนเทนต์นั้นดูสวยงาม และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โพสต์ก็ออกมาดูโดดเด่น แค่นี้ยอดขายปังๆ ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วล่ะค่ะ



5 วิธี ลงประกาศขายฟรี สินค้ายังไงให้คนเจอ ได้ขายของ


5 วิธี ลงประกาศขายฟรี สินค้ายังไงให้คนเจอ 
ได้ขายของ เพราะออนไลน์ทุกวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้วอยากรู้เรื่องอะไรหาคำตอบได้เกือบหมดด้วยเทพเจ้า Google ที่รู้ไปหมด อีกอย่างที่นิยมคือค้นหาและซื้อสินค้าออนไลน์ แล้วถ้าเราอยากขายแต่ไม่ใช่มืออาชีพจะทำอย่างไร ลองดูกันเลยบางกอกทูเดย์เรามีมาแนะนำ

1. หาแหล่งประกาศขายออนไลน์ต่างๆ เช่น ถ้าคุณต้องการขายสินค้าให้คนทั่วไป คุณก็โพสต์ขายได้ในเว็บลงประกาศขายฟรีต่างๆ หรือถ้าคุณมีกลุ่มลูกค้าหรือต้องการขายในระดับท้องถิ่นหรือจังหวัดที่อาศัยอยู่ ขึ้นอยู่กับสินค้าและบริการของคุณ ก็แนะนำว่าเว็บลงประกาศซื้อขายฟรีแต่ละจังหวัดก็ต้องลงก่อนที่อื่นเลย สรุปแบบง่ายๆคือว่า
คุณจะขายอะไร  ขายให้ใคร ที่ไหน ถ้าคุณแค่ขายของใช้มือสองหรือไม่ใช่แม่ค้าพ่อค้ามืออาชีพหรือทำเป็นอาชีพ ข้อนี้มือใหม่อย่างคุณก้ไม่ควรลืม
จะลงประกาศฟรีเว็บไหนดี ที่คนเข้าดูเยอะหรือค้นหาเจอง่าย ถ้าต้องการขายให้คนในที่อยู่จังหวัดเดียวกันแนะนำว่าเน้นลงเว็บท้องถิ่นเลยถ้ามี เพราะการค้นหาจะพบง่ายขึ้นหากเจาะจงลงไป
2. การลงข้อมูลรายละเอียดสินค้า ต้องลงตามจริง ถ้าถ่ายรูปสินค้าลง เป็นสินค้าของจริงไม่ได้ปรับสีภาพมากยิ่งดี ให้เหมือนของจริงได้ยิ่งดี อีกทั้งช่องทางติดต่อคุณด้วย ลงรายละเอียดต่างๆให้มากที่สุดและน่าสนใจที่สุด เมื่อเขียนเสร็จแล้วลองอ่านดูว่าถ้าเป็นตัวเราเองจะสนใจไหม..


3. คำนวณต้นทุนต่างๆ เช่นค่าส่งของให้เรียบร้อย จะส่งฟรีหรือไม่ฟรีก็แจ้งไปเลย ให้ลูกค้าเปรียบเทียบกับคนอื่นๆที่ลงขายสินค้าเดียวกันกับเราได้ เพราะจะประกอบการตัดสินใจของคนเลือกซื้อที่จะติดต่อเจ้าที่ให้ราคาดีที่สุดในสินค้าคุณภาพเท่ากันอย่างเดียวกัน

4. หลังจากโพสต์ขายสินค้าไปแล้ว ต้องหมั่นตรวจสอบ คำค้นหาหรือโพสต์ของเราด้วยว่าติดการค้นหาหรือยัง ถ้าหากยังไม่มีใครติดต่อมาเลย แล้วนำมาปรับปรุงการเขียนบรรยายครั้งต่อไป

5. โพสต์ให้ได้มากที่สุด ถ้าไม่ใช่เป็นการโปรโมทเว็บ หรือสร้างแบรนด์ การลอกข้อมูลเดิมมาโพสต์ ก็ไม่ต้องกังวล แต่ถ้าคุณต้องการขายสินค้าโดยเริ่มทำเว็บไซต์ แฟนเพจ หรือบล็อก การที่คุณโพสต์หัวข้อเดิมๆ รายละเอียดข้อความเดิมๆอาจจะโดนแบนจากเจ้าของเว็บลงประกาศนั้นๆได้ และที่สำคัญ Google อาจจะมองว่าคุณเป็นสแปมก็ได้ นั่นอาจจะทำให้อนาคตในการทำธุรกิจออนไลน์ของคุณดับวูบลงได้

ทั้งหมดนี้ เป็นแนวทางเบื้องต้นสู่การขายสินค้าออนไลน์ ทั้งขายสินค้าเป็นบางชิ้นของตัวเองที่ใช้แล้วหรือของมือสอง หรือกำลังจะเริ่มธุรกิจค้าขายออนไลน์ ซึ่งหลักสูตรการตลาดออนไลน์ไม่สูตรสำเร็จตายตัว นอกจากจะเก่งแล้วต้องเร็วและคิดก่อนทำก่อน จึงมีโอกาสกว่าคนอื่น ที่สำคัญวิธีการทำการตลาดในวันนี้ที่ได้ผลดีเยี่ยมวันพรุ่งนี้อาจจะใช้ได้ผลน้อยลงหรือใช้ไม่ได้เลยก็เป็นได้
ขอบคุณ KhonkaenSale.com ชุมชนซื้อขายออนไลน์

6 เทคนิค ขายของยังไงให้ ปัง!




6 เทคนิค ขายของยังไงให้ ปัง!
ไม่ว่าจะเป็นแม่ค้าพ่อค้าทั้งในออนไลน์หรือออฟไลน์ ไม่ว่าคุณจะทำการขายทั้งในประเทศหรือต่างประเทศก็ตาม หากพวกคุณไม่มีเทคนิคในการขาย มันก็ช่างยากเหลือเกินที่จะขายออก ดังนั้นวันนี้เรามี 6 เทคนิคง่ายๆมาให้สำหรับเจ้าของธุรกิจทั้งมือเก่าหรือมือใหม่ รายย่อยหรือรายใหญ่ ถ้ารู้สึกว่าขายของออกอยากเหลือเกิน จะทำอย่างไรก็ขายไม่ดี ลองมาทำตาม 6 เทคนิคง่ายๆที่ Rossie นำมาฝากแล้วลองไปปรับใช้ดูนะคะ รับรองปัง ปัง รวย รวย รวย อย่างแน่นอนค่ะ

ข้อ 1. มั่นใจในตัวเอง
(มั่นใจในตัวเองเพื่อที่จะให้ลูกค้าเชื่อมั่นในสินค้าของเรา)
ข้อ 2. ความกระตือรือร้น
(ถ้าลูกค้ามาซื้อของ เจ้าร้านดูเฉยๆไม่ทักทายไม่สอบถามหรือแนะนำสินค้าหรือบริการให้ลูกค้า  พวกเขาก็จะรู้สึกว่าเราไม่อยากขาย)
ข้อ 3. ต้องรู้ความต้องการของลูกค้า
ว่าลูกค้าต้องการอะไรโดยการสังเกต เพื่อที่จะได้เตรียมตัวว่าควรจะแนะนำโปรดักส์ไหนที่เหมาะกับลูกค้าและให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
ข้อ 4. ต้องมีความอดทน
พยายามอธิบายและแนะนำผลิตภัณฑ์ พยายามพูดให้ดูดีดูเว่อร์เข้าไว้เวลาเล่าให้ลูกค้าฟัง จะทำให้ลูกค้าสนใจ
ข้อ 5. สำรวจร้านของคู่แข่งอย่างสม่ำเสมอ
ว่าเขาขายเป็นยังไง ต้องรู้ร้านไหนขายถูกกว่า หรือร้านไหนกำลังลดราคาอยู่ เพื่อมาปรับใช้กับร้านของตนเอง
ข้อ 6. ทำกิจกรรมบ่อยๆ
ให้คนรู้จักผลิตภัณฑ์ของเราห้ามอยู่นิ่งเฉย

วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2562

Niacinamid ส่วนผสม ตัวที่ 1 ที่มีอยู่ในครีมบำรุงผิว สูตรลดฝ้า -ครูดานิ

     







    
        คุณรู้หรือไม่ว่า ส่วนผสมในครีมบำรุงผิวลดฝ้าสูตรนี้ครูดานิใส่  Niacinamid หรือวิตามิน B3 ด้วยแล้ววิตามิน B3 มันช่วยเรื่องอะไร ทำไมครูดานิจึงเลือกสารตัวนี้มาเป็นส่วนผสมในสกีนแคร์สูตรนี้ มาดูกันคะ  

       ในบรรดาปัญหาผิวต่างๆ ที่กังวลกัน คงจะไม่พ้นเรื่อง สิวและผิวที่ไม่เรียบเนียนสม่ำเสมอ มันเป็นปัญหาที่น่าปวดหัว 

       อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน อักเสบ มีรอยแดง หรือรูขุมขนไม่กระชับ 
      ปัญหาผิวเหล่านี้สามารถรักษาและฟื้นฟูได้ด้วยสกินแคร์ และส่วนผสมในสกินแคร์ที่ครูดานิอยากให้สาวๆ โฟกัสกันในวันนี้ก็คือ Niacinamide 
      ซึ่งครูดานิเชื่อว่าสาวๆ ที่เป็นสาวกสกินแคร์หลายคนอาจจะคุ้นชื่อและทราบประโยชน์คร่าวๆ ของสารบำรุงผิวตัวนี้ว่าช่วยในเรื่องคุมความมันและลดการเกิดสิว กันบ้างอยู่แล้ว 
      อย่างไรก็ตาม Niacinamide ไม่ได้เพียงแค่ช่วยรักษาผิวที่มีปัญหาสิว แต่ยังเป็นส่วนผสมในสกินแคร์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวในด้านอื่นๆ ด้วย วันนี้เราจะมาทำความรู้จัก Niacinamide กันเพิ่มขึ้น พร้อมด้วย 10 ประโยชน์ที่ส่วนผสมยอดฮิตตัวนี้มีต่อผิวหน้าของเรา
      Niacinamide หรือที่รู้จักกันในชื่อที่ออกเสียงง่ายขึ้นอย่าง วิตามินบี 3 ซึ่งอยู่ในกลุ่มวิตามินบีคอมเพล็กซ์ (B-Complex) หรือที่เรียกว่า Niacin (Nicotinic acid)

     วิตามินบี 3 หรือ Niacinamide นั้นเป็นวิตามินที่มีประโยชน์ต่อผิวของเราที่สามารถช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างครอบคลุม  เช่น
-ช่วยลดริ้วรอยและรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว 
-ช่วยลดอาการแดงและอาการระคายเคืองบนผิว 
-ช่วยกระตุ้นการผลิตเซราไมด์ (ceramide) ที่ช่วยให้ผิวกระชับและชุ่มชื้น ซึ่งจะส่งผลให้ผิวเรียบเนียนขึ้น -ช่วยกระชับรูขุมขนและคุมความมันบนผิว จึงเหมาะเป็นพิเศษสำหรับคนที่มีผิวมัน อย่างไรก็ตามเป็นส่วนผสมที่เข้าได้กับทุกสภาพผิว 

      เนื่องจาก Niacin เป็นวิตามินประเภทที่ละลายน้ำได้ สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Niacinamide ที่เราจะใช้กันจึงมาในรูปแบบของเซรั่ม  ครีม โลชั่น และเมื่อเทียบกันกับสารประกอบที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น วิตามินซี หรือ AHA และ BHA เป็นต้น   
      Niacinamide จะอ่อนโยนต่อผิวกว่าเพื่อนเพราะเป็นสารออกฤทธิ์ (Active Ingredient) ในสกินแคร์ที่ปราศจากกรดและการระคายเคือง
Niacinamide ทำงานอย่างไร?   
ทราบหรือไม่ว่าร่างกายของเราสามารถผลิต Niacinamide ได้ โดยทุกครั้งที่เราทานอาหารที่มีส่วนผสมของสาร niacin หรือวิตามินบี 3 สูง (อย่างเช่น อกไก่ อโวคาโด้ และ เห็ดเป็นต้น) ร่างกายของเราจะแปลง Niacin เป็นสารออกฤทธิ์ Niacinamide ซึ่งเป็นวิตามินที่สำคัญต่อระบบเผาผลาญ, การทำงานของระบบประสาท และการต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งล้วนแล้วเป็นส่วนสำคัญของการทำงานของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายของเรา รวมถึงการทำงานของเซลล์ผิว

เรามาดูประโยชน์ของ Niacinamide  กันคะ
1. ช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระ   
ใครที่ผิวมันและไม่ถูกกับสารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซี ก็ไม่ต้องกังวลว่าผิวจะยอมแพ้ให้กับอนุมูลอิสระที่ส่วนใหญ่มาจากมลภาวะและแสงแดด รวมถึงการใช้ชีวิตที่ส่งผลให้ผิวดูอิดโรย เพราะสาวๆ ที่มีความกังวลเรื่องผิวมันและผิวผสมทั้งหลายสามารถเปลี่ยนมาปกป้องผิวด้วยสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Niacinamide ในการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระบนผิวของเราได้ เนื่องจากมีความบางเบาและซึมไว จึงถือว่าเป็นเกราะป้องกันแบบที่ไม่ทิ้งความมันเยิ้มไว้บนผิวระหว่างวัน 
2.ช่วยลดเลือนรอยสิวและรอยแผลเป็น   นอกจากช่วยลดการเกิดสิวแล้ว Niacinamide ยังสามารถช่วยให้รอยสิวแลดูจางลง รวมถึงช่วยปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ
3.ช่วยลดเลือนริ้วรอย   จากผลวิจัยพบว่าสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Niacinamide ที่มีความเข้มข้นอย่างน้อย 4 เปอร์เซ็นต์ช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ โดย Niacinamide จะเข้าไปช่วยสร้างคอลลาเจนซึ่งจะทำให้ผิวเต้งตึงกระชับขึ้น
4.ช่วยลดเม็ดสีทำให้ผิวขาวสม่ำเสมอ  เมื่อผิวเกิดริ้วรอยและเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น ความเสื่อมชราของผิวหนังก็มาเยือน สาเหตุหลักๆมาจากการสร้าง collagen และ elastin ใน fibroblast น้อยลงเรื่อยๆ วิธีชะลอริ้วรอยที่แนะนำกันมากก็คือ กระตุ้นการสร้าง fibroblast และป้องกันไม่ให้โครงสร้างเส้นใย collagen ถูกทำลาย Niacinamide เป็นสารหนึ่งที่พบว่าสามารถช่วยเพิ่ม fibroblast และ collagen จึงเป็นสารที่ใช้ช่วยชลอริ้วรอยในผิวหนัง  Niacinamide Vitamin B3 กับการทำให้ผิวขาว มีสีผิวสม่ำเสมอ
5.ช่วยรักษาสิว  เนื่องจาก Niacinamide มีสรรพคุณช่วยต้านการอักเสบและลดเชื้อแบคทีเรียบนผิว  
การใช้สารฆ่าเชื้อในการรักษาสิว โดยทั่วไปอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแบคทีเรียเกิดการดื้อยาได้ จากการศึกษาของ Shalita colleagues แสดงให้เห็นว่า Niacinamide 4% มีประสิทธิภาพในการรักษาสิวเช่นเดียวกับการใช้ยา Clindamycin 1% และให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าด้วย
6.ช่วยบาลานซ์การผลิตน้ำมันในผิว โดยจะช่วยให้การผลิตน้ำมันในผิวสมดุลขึ้น ซึ่งต่างจากส่วนผสมคุมความมันบนผิวอื่นๆ ที่มักจะทำหน้าที่แค่รอดูดซับน้ำมันที่โผล่ออกมาจากผิว
7.ช่วยกระชับรูขุมขนและปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
ใครที่มีเรื่องของรูขุมขนกว้าง แนะนำว่าให้ลองใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Niacinamide ดู เนื่องจากเป็นส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมัน และเมื่อการผลิตน้ำมันในผิวสมดุลมากขึ้น สิ่งสกปรกก็ไม่สามารถเข้าไปอุดตันรูขุมขนได้ ก็จะช่วยให้รูขุมขนแคบลงและกระชับขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ผิวดูเรียบเนียน
8.ช่วยลดอาการแดงบนผิว  นอกจากเป็นส่วนผสมที่เหมาะกับคนที่มีผิวมันแล้ว ยังเหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบาง มีรอยแดงได้ง่ายด้วย โดยจะช่วยลดอาการแดงของผิว รวมถึงสามารถช่วยฟื้นฟูผิว หรือผิวหนังอักเสบเรื้อรัง  นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ให้แก่ผิวของเราดูสุขภาพดี ยังช่วยให้ชั้นผิวของเราแข็งแรงขึ้นอีกด้วย
9. ช่วยบำรุงผิว  เนื่องจาก Niacinamide มีสรรพคุณช่วยบูสเซราไมด์ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น 
เป็นการเพิ่มระดับเซรามาไมด์ของผิว ซึ่งการที่ผิวเรามีเซราไมด์เยอะนั้นจะทำให้ผิวเรากักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น เป็นเหมือนเกราะป้องกันผิวชั้นดี จึงสามารถช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งและขาดน้ำได้ เป็นวิตามินที่มีบทบาทในการบำรุงผิวไม่น้อย จากข้อมูลพบว่า Vitamin B3 มีส่วนช่วยให้กระบวนการเมตาบอริซึ่มของเซลผิว ทำให้เซลทำงานได้เป็นปกติ อีกทั้งยัง
10. ช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายของรังสี UV  หากมีกิจกรรมต้องโดนแดดตลอดเวลา กันแดดอย่างเดียวคงไม่พอ ควรมีสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Niacinamide ไว้ช่วยฟื้นฟูผิวด้วย โดยผลวิจัยพบว่า Niacinamide สามารถช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวของเราหลังโดนแสงยูวีทำร้าย   เพราะแสงแดดเป็นสาเหตุหลักอันหนึ่งที่ทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีในผิวหนังมากกว่าปกติ (hyperpigmentation) โดย melanocyte จะผลิต melanosome ซึ่งมี melanin อยู่ภายใน แล้วปล่อยเข้าไปใน keratinocyte ที่อยู่รอบๆ จากนั้น keratinocyte จะเคลื่อนขึ้นไปสู่ผิวชั้นบนของหนังกำพร้า ทำให้ผิวมีสีเข้มกว่าปกติหรือเป็นฝ้า กระ รอยด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ


ประโยชน์มากขนาดนี้ ครูจึงเลือกนำมาใส่ในสูตรครีมบำรุงผิวลดฝ้า ตอบโจทย์และแก้ปัญหาครบเลยคะ 

สนใจอยากใช้ครีม ทักมาคะ
Line:dani5642

ข้อมูล:
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/24798949
https://theskincareedit.com/2018/12/13/niacinamide-skin-benefit