วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2562

น้ำมันบำรุงผิวหน้าจากธรรมชาติ ยิ่งใช้ยิ่งดี ผิวยิ่งเด้ง


         หากพูดถึงน้ำมันบำรุงผิวหน้า สาวผิวมันส่วนใหญ่จะขอเซย์โนทันทีเพราะคิดว่าจะยิ่งทำให้หน้ามันไปกันใหญ่ และเมื่อผิวมันอยู่แล้ว ยิ่งใช้จะยิ่งเป็นสิวไหม? 
        ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงเลือกใช้แต่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เป็นสูตร Oil-Free เพื่อไม่ให้มีน้ำมันไปอุดตันรูขุมขนและทำให้เป็นสิวได้ 
        แต่ในความเป็นจริงน้ำมันคือส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยรักษาความสมดุล ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื่นตามธรรมชาติ ไม่แห้งหรือมันเกินไป 
       เมื่อผิวมีความสมดุลปัญหาผิวอื่นๆก็จะไม่ตามมา แถมช่วยไม่ให้สิวบุกอีกด้วย 
      ซึ่งเคล็ดลับผิวสมดุลด้วยการทาน้ำมันบำรุงผิวมีมาตั้งแต่ยุคสมัยอียิปต์โบราณ คลีโอพัตราได้คัดสรรสารพัดน้ำมันมาประทินโฉมและผลลัพธ์ที่น่าทึ่งก็เป็นอย่างที่เราๆทราบกันตามตำนานว่าผิวของเธองดงามไร้ที่ติจริงๆ
       สำหรับสาวผิวแห้งถึงผิวธรรมดายิ่งเหมาะกับการใช้น้ำมันบำรุงผิวเพราะผิวต้องการความชุ่มชื่นมากกว่าสาวผิวมัน 
      นอกจากนี้ก็ยังมีสาวๆที่เริ่มมีริ้วรอยมาถามหาก็ยิ่งต้องใช้เพราะริ้วรอยเป็นตัวบ่งบอกว่าผิวขาดความชุ่มชื่นอย่างรุนแรง 
      ดังนั้นไม่ว่าจะมีสภาพผิวแบบไหนก็ควรหาน้ำมันมาบำรุงเพื่อให้ผิวเกิดความสมดุลและชุ่มชื่น 
      ปัญหาผิวต่างๆก็จะไม่มากวนใจ และต้องบอกเลยว่าน้ำมันนั้นมีคุณภาพประสิทธิภาพไม่แพ้ครีมบำรุงที่หลายคนกำลังใช้อยู่เลยทีเดียว และเพื่อให้สาวๆ  เลือกน้ำมันบำรุงผิวได้ตรงความต้องการ 

      มาดูคุณสมบัติของน้ำมันมาฝากกัน อยากหน้าเด้งเบอร์ไหน เลือกใช้กันได้เลย
1. น้ำมันโจโจบา
        เริ่มต้นด้วยน้ำมันที่สามารถดูแลผิวได้หลากหลายด้านอย่าง Jojoba Oil หรือน้ำมันโจโจบาซึ่งหลายคนจะคุ้นหูกันดีเพราะน้ำมันชนิดนี้ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากมาย 
      จะดีกว่ามากถ้าเราได้บำรุงผิวด้วยน้ำมันโจโจบาแบบเพียวๆ ด้วยความบางเบาที่แทบไม่ต่างจากน้ำมันซีบัมที่หล่อลื่นผิวตามธรรมชาติ 
      ทุกครั้งที่ทาจะซึมซาบได้เป็นอย่างดี ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีคือผิวหน้าที่เงาสวย 
      ใครที่ชอบผิววาวแบบสาวเกาหลีต้องลองเลย นอกจากผิวเด้งๆแล้วยังช่วยต้านการอักเสบ เป็นสิวก็สามารถใช้ได้ ผิวแพ้ง่ายก็เหมาะเพราะมีความอ่อนโยน สำหรับใครที่เริ่มมีริ้วรอยก็เวิร์ค 
       นอกจากใช้กับผิวแล้วยังใช้บำรุงเส้นผมได้ด้วย ทูอินวันกันไปเลย
2. น้ำมันโรสฮิป
       โรสฮิปก็เป็นน้ำมันอีกหนึ่งชนิดที่กำลังมาแรง ขึ้นชื่อในเรื่องการสร้างเซลล์ผิวและผลิตคอลลาเจน เหมาะมากกับคนที่ต้องการสมานแผล 
       มีวิตามินซี กรดไขมัน โอเมก้า3 โอเมก้า6 จะช่วยรักษาเนื้อเยื่อ นอกจากนี้ยังมีกรดเรติโนซึ่งช่วยเรื่องการลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวสว่างใส ให้ความชุ่มชื้น มอบความสมดุลให้ผิวไม่แพ้ง่าย ลดอาการอักเสบและความแห้งกร้าน 
      คุณสมบัติที่โดดเด่นมากคือการฟื้นฟูผิวที่ไหม้จากแสงแดดและรังสี สำหรับข้อมูลที่ควรทราบสำหรับน้ำมันชนิดนี้คือไม่ควรใช้ทาผิวเพียงอย่างเดียว แต่ควรตามด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้เป็นประจำอยู่ด้วย เพราะแม้จะมีคุณค่าบำรุงที่ครบครันก็อาจทำให้ภาพรวมของผิวดูแห้ง ถ้าใช้น้ำมันโรสฮิปเดี่ยวๆ
3. น้ำมันมะพร้าว
       ขึ้นแท่นน้ำมันเพื่อความงามไปแล้วสำหรับน้ำมันมะพร้าวเพราะอยู่คู่ผู้หญิงรักสวยรักงามมาตั้งแต่สมัยโบราณ หลักๆคือเป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยมสำหรับสาวผิวแห้งเนื่องจากขาดความชุ่มชื้น 
     ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้งเป็นขุย แตก ลอก มีผื่นแพ้ แค่ใช้สำลีชุบน้ำอุ่น บีบน้ำออก แล้วหยดน้ำมันมะพร้าว 2-3 หยด ทาให้ทั่วใบหน้า ผิวหน้าจะกลับมาชุ่มชื้น ละเอียดขึ้น แถมจุดด่างดำจากสิวก็ลดเลือนลงด้วย 
     สำหรับสาวที่มีผิวแห้งมากๆสามารถทาที่ผิวหน้าโดยตรงได้ และแนะนำให้เลือกเป็นน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นเพราะจะยังคงคุณค่าของวิตามินอีเอาไว้ ในช่วงกลางคืนสามารถทาบางๆแทนครีมบำรุงผิวได้เลย
4. น้ำมันมะกอก
      เป็นอีกหนึ่งชนิดน้ำมันที่อยู่คู่คนไทยมานานโดยเฉพาะการบำรุงเส้นผม แต่น้ำมันมะกอกยังดูแลผิวของเราได้เป็นอย่างดีอีกด้วย 
     คุณสมบัติเด่นคือการต้านอนุมูลอิสระต้นเหตุของผิวแก่ก่อนวัย ปกป้องหนังกำพร้าและช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น 
     สำหรับผิวหน้าให้ทาน้ำมันมะกอกบางๆก่อนนอนทุกคืน สำหรับผิวกายให้ผสมน้ำมันมะกอก 5 ช้อนชาลงไปในอ่างอาบน้ำ แนะนำให้อุณหภูมิของน้ำมีความอุ่น ความร้อนจะช่วยให้วิตามินอีและสารต้านอนุมูลอิสระซึมซาบสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น 
    ช่วยให้ขนตาและคิ้วดกดำอย่างเป็นธรรมชาติ ใครที่อยากคิ้วเข้มหรือมีขนตาที่หนาขึ้นสามารถแตะน้ำมันมะกอกเล็กน้อยลงบริเวณแนวขนตาและคิ้วทา ทำอย่างต่อเนื่องจะเห็นผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ
5. น้ำมันเมล็ดองุ่น
         น้ำมันเมล็ดองุ่นได้รับตำแหน่งซูเปอร์แอนตี้ออกซิแดนท์ไปครอง เพราะมีโอลิโกเมริคโปรแอนโธไซยานิดีน (Oligomeric Proanthrocyanidin) หรือ OPC ในปริมาณสูงมาก 
        มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซี 20 เท่าและสูงกว่าวิตามินอีถึง 50 เท่า แน่นอนว่าจะช่วยสาวๆ ชะลอการเกิดริ้วรอย 
     หากต้องการการบำรุงอย่างเต็มที่ต้องเลือกแบบสกัดเย็น น้ำมันเมล็ดองุ่นจะช่วยให้เซลล์อ่อนเยาว์และยืดอายุให้อยู่นานขึ้น 
     ที่สำคัญน้ำมันเมล็ดองุ่นสกัดเย็นจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งหมดในเวลาอันรวดเร็ว และสามารถจับกับโปรตีนที่เป็นโครงสร้างของคอลลาเจนในผิว จึงช่วยปกป้องคอลลาเจนและผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระ 
     ส่งผลให้ผิวมีสุขภาพดีและตึงกระชับ นอกจากใช้บำรุงผิวอย่างล้ำลึกแล้วยังสามารถนำไปผสมกับน้ำมันโจโจบาสำหรับนวดผิวหน้าเพื่อล้างเครื่องสำอางได้อีกด้วย
6. น้ำมันละหุ่ง
        สำหรับคนที่มีปัญหาสิวและผิวอักเสบบ่อยๆต้องลองหาน้ำมันละหุ่งมาใช้ 
       ซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านการอักเสบและเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุของสิว มีทั้งกรดไขมันไม่อิ่มตัว วิตามินอี โปรตีน และแร่ธาตุ 
       จะช่วยลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวรวมถึงป้องกันการเปลี่ยนสีและแผลเป็นจากสิวด้วย แต่จุดด้อยคือน้ำมันชนิดนี้มีความข้นเหนียวหากใช้เดี่ยวๆจะทำให้ผิวแห้งเกินไป 
      วิธีแก้คือนำไปผสมกับน้ำมันชนิดอื่นอย่างน้ำมันโจโจบาหรือน้ำมันมะกอก นอกจากจะช่วยให้ทาได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพในการบำรุงผิว ผิวไม่แห้ง โดยผสมน้ำมันละหุ่งกับน้ำมันอีกชนิดในปริมาณที่เท่ากัน 
      วิธีการใช้ที่แนะนำคือนำน้ำมันที่ผสมกันแล้วเทใส่มือประมาณ 1/4 ของฝ่ามือ จากนั้นทาให้ทั่วใบหน้าที่แห้งสนิท ทิ้งไว้หนึ่งนาที แล้วชุบผ้าลงในน้ำร้อน บิดหมาดๆ วางประคบบนใบหน้าประมาณ 30 วินาที เมื่อเช็ดออกก็จะสัมผัสได้ถึงผิวหน้าที่เกลี้ยงเกลาขึ้นจนสังเกตเห็นได้

      น้ำมันที่กล่าวมามีสรรพคุณช่วยในเรื่องของบำรุงผิวมากมาย แต่ถ้าบางคนการที่จะนำมาใช้แบบเพียว ๆ อาจจะรู้สึกรำคาญหรือแหนะหนะผิว 
     ขอแนะนำ สบู่รังไหม-น้ำผึ้ง จาก dani dani soap  
สูตรลดฝ้าหน้าเด้ง และสูตรลดสิว ทั้ง 2 สูตรนี้ มีสรรพคุณของน้ำมันพวกนี้ด้วยนะคะ อยากพิสูจน์ต้องลองคะ ผิวคุณจะเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ผิวขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติแน่นอน ที่สำคัญปลอดภัย 100% จ้า
สนใจทักมาคะ Line: dani5642

เครดิต: issue247

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น