วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563

คู่มือ การทำครีม ง่าย ๆ ด้วยมือคุณเอง






ครูดานิ เชื่อว่ามีหลาย ๆ คนที่มีปัญหาเรื่อง สิว ฝ้า กระ  จุดด่างดำ  หน้าหมองคล้ำ มีริ้วรอยแห่งวัย 

ใช้ครีมอะไรๆ  แพงแค่ไหน   
ครีมที่ใคร ๆ ก็บอกว่าใช้ดี ใช้ดี 
ใช้ 7 วันหาย   ใช้ 14 วันใส   ใช้ 28 วันหน้าเด้ง 
ก็ลองซื้อใช้มาหมดแล้ว 




แต่ทำไม!! ทำไม!! ผิวหน้าฉัน
ไม่เห็นเป็นดังที่เขาว่าดีเลย  ทำไม! ทำไม!

ครูดานิ เป็นคนหนึ่งคะ ที่เจอปัญหานี้   
ครูดานิ ทำแต่งาน โดยที่ไม่สนใจดูแลตัวเอง   
ตลอด 20 ปี  คุณเชื่อมัยคะว่า ครีมทาผิว   
ครีมทาหน้า ครูดานิ ก็ซื้อมาใช้นะคะ  แพงด้วย
แต่ใช้แค่ครั้งแรกที่ซื้อมา   
แล้วก็วางทิ้งไว้หน้ากระจกนั้นแหละ    
ใช้ครั้งเดียวจริง ๆ คะ

แต่พอลาออกจากงาน   หันกลับมาดูแลตัวเอง  
#เริ่มเรียนรู้
-วิธีการใช้ครีม แต่ละชนิด
-วิธีการดูส่วนประกอบข้างกระปุกครีม  
-ดูสรรพคุณของสารต่าง ๆ 
-วิธีการผสมครีม  
-เรียนรู้ว่าสารแต่ละตัวต้องละลายอย่างไร  
-สารแต่ละตัวมีสรรพคุณอย่างไร 
-เรียนรู้ว่าสารแต่ละตัวควรใช้ปริมาณเท่าไร จึงจะดีต่อผิวของเราอย่างแท้จริง
-ผิวแบบไหน ควรใช้สารแบบไหน
-สารที่เขาว่า ออแกนิก ออแกนิก จริงหรือ




ทำให้ครูดานิ เข้าใจว่า เราสามารถทำครีมที่เหมาะกับผิวของเราได้ แบบง่าย ๆ ด้วยมือเราเอง  

คุณก็สามารถทำครีมใช้เองได้  ลองดูครูดานิสิคะว่าเมื่อก่อนดำขนาดไหน ปัจจุบันยังกลับมาขาว สวยได้เลย คุณก็ทำได้เหมือนกันคะ เชื่อมั่น และลงมือทำคะ

ซึ่งการทำครีมใช้เองมันมีข้อดีเยอะอยู่นะคะ 
ลองมาดูข้อดีของการทำครีมใช้เองแบบเล่น ๆ ดูคะ




ข้อดีของการทำครีมใช้เอง
-ทำให้เราได้ใช้ครีมที่ใหม่สดอยู่เสมอ
-ทำให้เราได้ใช้ครีมราคาต้นทุน สรรพคุณเค้าเตอร์แบรนด์
-ทำให้เราได้รู้ว่าสารตัวไหน เหมาะกับผิวเราที่สุด
-ทำให้เรารู้ว่า ครีมเค้าเตอร์แบรนด์เขาใส่สารแบบนี้เอง ออๆๆๆ เหมือนที่เราใส่เลย 555
-ทำให้เรารู้ว่า เราก็ทำครีมเองได้นี่หว่า ง่ายจะตาย

ข้อเสียของการทำครีมใช้เอง
-ห้ามขายออกนอก จนกว่าจะจดแจ้ง555
-ห้ามขายออกสื่อ จนกว่าจะจดแจ้ง555

ข้อเสียอื่นๆ ยังคิดไม่ออก เพราะเห็นแต่ข้อดี

ฉะนั้นใครอยากทำครีมใช้เองครูดานิ 
แนะนำคู่มือการทำครีม เล่นนี้คะ

จุดเด่น ของคู่มือการทำครีม
-สูตรทุกสูตร ในคู่มือเล่มนี้ ผ่านการลองทำใช้เองมาแล้ว จึงคัดแต่สูตรที่เด่น ๆ มาให้

-สูตรทุกสูตร ในคู่มือเล่มนี้ สามารถต่อยอด ดัดแปลงใส่สารที่เราต้องการได้ตามที่ชอบ

-สูตรทุกสูตร ในคู่มือเล่มนี้  สามารถจดแจ้งทำขายได้ ถ้าสถานที่คุณพร้อม หรือสามารถนำไปจ้างโรงงานผลิตได้คะ

-สูตรทุกสูตร ในคู่มือเล่มนี้  เป็นส่วนผสมที่ทำง่าย ๆ แต่สรรพคุณเค้าเตอร์แบรนด์

-สูตรทุกสูตร ในคู่มือเล่มนี้  มีทั้งสูตร วิธีการทำ และแนะนำสถานที่ซื้อสาร แหล่งซื้ออุปกรณ์




เนื้อหาในคู่มือการทำครีมกันคะว่ามีอะไรบ้าง
ส่วนของเนื้อหา ด้านการดูแลผิว
1. โครงสร้างผิว
2. ลักษณะผิวที่ดี
3. ประเภทของผิว
4. ความหมายของเครื่องสำอาง
5. ชนิดของเครื่องสำอาง
6. ขั้นตอนการดูแลผิวหน้า 


ส่วนของเนื้อหา สรรพคุณส่วนผสม
7. ส่วนผสมที่เป็นน้ำมัน
8. ส่วนผสมที่เป็นของเหลว น้ำดอกไม้
9. สารสกัด
10. น้ำมันหอมระเหย
11. ตัวประสานเนื้อ
12. วิธีทดสอบผลิตภัณฑ์
13. วิธีคำนวณจากอัตราส่วน เปอร์เซ็นต์ เป็นจำนวนกรัม
14. วิธีการปรับเพิ่ม/ปรับลด เปอร์เซ็นต์ของสารในสูตร
15. อุปกรณ์และวัตถุดิบ
16. แหล่งซื้อวัตถุดิบ 




ส่วนของเนื้อหา สูตรต่าง ๆ 
17. สูตรเครื่องสำอางและวิธีการทำ
      1. เบสครีม และข้อแนะนำในการทำเบสครีม
      2. เบสครีมพื้นฐาน สูตรที่ 1
      3. เบสครีมพื้นฐาน สูตรที่ 2 


      4. คลีนเซอร์ และข้อแนะนำในการทำคลีนเซอร์
      5. เจลล้างหน้า
      6. Cleansing Water ล้างเครื่องสำอาง
      7. คลีนซิ่งน้ำนม 


      8. โทนเนอร์ และข้อแนะนำในการทำโทนเนอร์
      9. โทนเนอร์ปรับสภาพผิว
    10. โทนเนอร์ผิวขาว 


    11. เอซเซนส์ และข้อแนะนำในการทำเอซเซนส์
    12. น้ำตบ
    13. เอสเซนต์ผิวขาวกระจ่างใสและลดริ้วรอย
    14. เซรั่ม และข้อแนะนำในการทำเซรั่ม
    15. เซรั่มผิวขาว
    16. เซรั่มรักษาฝ้า 


    17. มอยเจอร์ไรซ์เซอร์ และข้อแนะนำในการทำครีมและโลชั่น
   18. ครีมโปรตีนรังไหม
   19. ไวท์เทนนิ่งครีม 1
   20. ครีมลดฝ้า
   21. ครีมทาใต้ตา
   22. โลชั่นแต้มสิว
   23. ครีมทาสิว
   24. โลชั่นผิวขาว
   25. กันแดดใยไหม
   26. โลชั่นกันแดด
   27. สครับขัดผิว
   28. ครีมระงับกลิ่นกาย Deodorant
   29. สเปรย์ไล่แมลง
  


                           



เมื่อคุณตัดสินใจ เลือกคู่มือเล่นนี้ 
มาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณ  
คุณจะบอกกับตัวเองว่า ทำครีมใช้เอง มันโคตรง่ายจริง ๆ 

แต่คนที่บอกว่า ไม่เห็นทำได้อย่างที่บอกเลย 
ขอทายว่า คุณไม่ได้ลงมือทำจริง ๆ คะ

เพราะครูดานิ จากคนที่ทำครีมไม่เป็น  
ไม่มีความรู้เรื่องการทำครีม  
ไม่มีพื้นฐานใด ๆ เกี่ยวกับการทำครีมมาก่อนเลย 

ยังทำครีมเองได้ จนสามารถออกคู่มือเล่มนี้
เพราะครูดานิ ลงมือทำจริง ๆคะ




สำหรับท่านใดที่สนใจคู่มือการทำครีม 
สูตรสร้างอาชีพ เล่มนี้ ทักมาได้นะคะ 

ราคาเล่มละ 990 บาท ส่งฟรี

Line : dani5642
Line : @127wsjci
หรือทางข้อความเพจ : สอนทำสบู่ เรียนทำสบู่ สอนออนไลน์ ครูดานิ

แล้วเจอกันคะ
รักทุกคนคะ
เราจะขาว สวย ใส  ไปด้วยกันคะ
เพราะผู้หญิงอย่างเราอย่าหยุดสวยคะ

ครูดานิ









วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2563

10 ข้อห้ามในการทำสบู่กลีเซอรีน





อยากทำสบู่กรีเซอรีนแบบง่าย ๆ ทุกคนก็สามารถทำได้ แต่ก็มีเคล็ดลับนิด ๆ หน่อย ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามนะคะ  มาดูกันคะ



10 ข้อห้ามในการทำสบู่กลีเซอรีน

1. ไม่ควรเติมกลีเซอรีนเหลว เข้าไปในเบสสบู่กลีเซอรีนอีก เพราะ จะทำให้สบู่ขึ้นเหงื่อได้ และทำให้สบู่นิ่ม ไม่แข็งเป็นก้อนสบู่

2. การหลอมเบสสบู่ถ้าไม่อยากให้เบสสบู่เหลืองให้ใช้วิธีตุ๋นด้วยหม้อแก้ว  หรือ ใช้หม้อสองชั้น เท่านั้น 



3.ใส่น้ำมันบำรุง หรือ สารสกัดที่มีส่วนผสมของน้ำมันได้ไม่เกิน 1-2% เพราะ จะทำให้สบู่นิ่มและ ที่สำคัญฟองน้อยด้วย




4. เบสสบู่ทั่วไป ใส่สารเพิ่มฟองที่เป็นน้ำ และ สารสกัดที่มีส่วนผสมของน้ำได้ไม่เกิน 5-10%  เพราถ้าใส่มากเกินไป จะทำให้สบู่ใช้เวลาในการเซ็ทตัวนาน

5. กรด AHA / BHA ใส่ได้ไม่เกิน 0.1% เพราะ จะทำให้สบู่นิ่ม

ุ6. น้ำหมัก ใส่ได้ไม่เกิน 5% เนื่องจาก น้ำหมักในแต่ละแหล่งผลิต จะมีปริมาณกรดที่เกิดจากการหมักแตกต่างกันไป  และเราไม่สามารถคาดเดาได้เลย  ฉะนั้นให้ทดลองใส่น้ำหมักในปริมาณที่น้อย ๆ ก่อน เพราะถ้าใส่มากเกินไป จะทำให้สบู่นิ่ม

7. การหลอมเบสสบู่นานเกินครึ่งชั่วโมง ให้เติมน้ำลงไป 1-3%  สามารถลดการเกิดเหงื่อได้

8. เมื่อทำสบู่เสร๊จแล้วให้ วางผึ่งสบู่สัก 20 นาที เพื่อให้น้ำในสบู่ระเหยสักครู  จึงแรพฟิล์มยืด เพื่อป้องกันความชื้นที่สามารถทำให้เกิดเหงื่อได้  แต่อย่าทิ้งไว้ข้ามคืน

9. ควรหลีกเลี่ยงการทำสบู่ในช่วงฝนตก หรืออากาศชื้น เพราะจะทำให้สบู่ขึ้นเหงื่อได้




10. ควรใส่ผงสมุนไพร 0.5-1%  เพราะถ้าใส่มากเกินไปจะทำให้สบู่นิ่มได้

 เมื่อรู้เทคนิค ข้อห้ามในการทำสบู่กลีเซอรีนกันแล้ว ลงมือทำสบู่กันเลยคะ 

ครูดานิ SOAP
#เรียนทำสบู่ง่ายๆ สบายๆ ได้ที่บ้าน
#เบอร์โทรติดต่อ: 0625945642, 0614696546
#Line ld : @127wsjci 6545JO
##YouTube : dani dani soap
Facebook : สอนทำสบู่ เรียนทำสบู่ สอนออนไลน์ ครูดานิ

วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2563

สารสกัดอะโวคาโด - ผิวสวยสุขภาพดี






ขนาดบรรจุ
ขนาด 100 กรัม  200
ขนาด 1 kg  1,700

สารสกัดอะโวคาโด
อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินดี และวิตามินอี 
ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ  นอกจากนี้ยังมี โปรตีนแลซิติน เบต้าแคโรทีน และกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่จำเป็น โดยเฉพาะผิวที่แห้งและขาดความชุ่มชื่น ให้ความชุ่มชื่นมาก ช่วยบรรเทาโรคผิวหนัง ผิวแก่ก่อนวัยอันควร ลดจุดด่างดำ ลดรอยแผลเป็น ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ฟื้นฟูสภาพผิว และช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิวอีกด้วย 

ประโยชน์ของสารสกัดจาก Avocado
>ช่วยลดริ้วรอย กระตุ้มการสร้างคอลลาเจน
>ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV 
>ช่วยฟื้นฟูผิวคล้ำเสียที่เกิดจากแสงแดด
>ช่วยลดรอยแผลเป็นให้จางลง
>ช่วยให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว ฟื้นฟูผิวที่แห้งให้กลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง
>ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ
>ช่วยลดจุดด่างกำต่างๆ ฝ้า กระ
>ช่วยลดการอักเสบของผิว บรรเทาอาการผื่นคัน
>ใช้ในการหมัดผมบำรุงผม เพื่อให้ผมนุ่มสวย เงางาม
>ใช้นวดศรีษะเพื่อช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผม

ลักษณะ : เป็นของเหลวใส

อัตราการใช้
ใส่ในสบู่ 1-2 %   
ใส่ในครีม โลชั่น เจล เซรั่ม เอสเซนส์  0.1-0.2% (แนะนำ 0.2%) หรือตามสูตรเครื่องสำอาง 

ประโยชน์
ช่วยลดริ้วรอย  
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนแก่ผิว 
ปกป้องผิวจากรังสี UV 
ฟื้นฟูผิวคล้ำเสียที่เกิดจากแสงแดด 
ลดรอยแผลเป็นให้จางลง 
ทำให้ผิวดูขาวกระจ่างใสเรียบเนียนขึ้น 
ทำให้ผิวชุ่มชื่นขึ้น  ฟื้นฟูผิวที่แห้งให้กลับมาชุ่มชื่นช่วยลดจุดด่างดต่างๆ ฝ้า กระ 
ช่วยลดการอักเสบของผิว 
บรรเทาอาการผื่นคัน 
ช่วยบำรุงผมเพื่อให้ผมนุ่มสวย เงางาม 
ช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผมได้อีกด้วย

ทิป
-ใส่ในสบู่กรีเซอรีน ให้ใส่ในขั้นตอนสุดท้าย ให้เบสกรีเซอรีนอุณหภูมิต่ำ ๆ ก่อน ค่อยใส่สารสกัดลงไป
-ใส่ในสบู่น้ำมัน ให้ใส่ในขั้นตอนก่อนเทลงสบู่
-ใส่ในครีม เซรั่ม โลชั่น ให้ใส่ในขั้นตอนสุดท้าย อุณหภูมิ ควรต่ำประมาณ 45 องศา


ครูดานิ  Line : @127wsjci มี @ ข้างหน้าด้วยนะคะ

สอนทำสบู่น้ำมัน
สอนทำสบู่กรีเซอรีน
สอนทำเบสใส - เบสขุ่น
สอนทำครีมใช้เองแบบง่าย ๆ
สอนทำสบู่เหลวธรรมชาติ
รับเป็นที่ปรึกษาเรื่องการทำสบู่










สรรพคุณ สารสกัดมิ้นท์ - ลดกลิ่นตัว






ขนาดบรรจุ
ขนาด 100 กรัม  200
ขนาด 1000 กรัม 1,700

สรรพคุณสารสกัดใบมิ้นท์ Mint Extract 


ใบมิ้นท์ หรือ ภาษาบ้านเราเรียกว่า ใบสะระแหน่
สะระแหน่ ชื่อสามัญ Kitchen Mint, Marsh Mint
สะระแหน่ ชื่อวิทยาศาสตร์ Mentha × villosa Huds.

มีแหล่งกำเนิดในแถบทวีปยุโรปตอนใต้และในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ลักษณะใบจะคล้ายคลึงกับพืชในตระกูลมิ้นท์มาก มีกลิ่นหอมคล้ายมะนาว รสชาติจะคล้าย ๆ กับตะไคร้หอมและมะนาว

ใบมิ้นท์ หรือ ใบสะระแหน่ 
อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ หลายชนิด 
เช่น เบต้าแคโรทีน วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 
วิตามินบี 3 วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เป็นต้น และยังให้พลังงาน 47 กิโลแคลอรี่ (ใน 100 กรัม) 
โดยใบสะระแหน่นั้นควรเลือกใช้ใบสดและยอดอ่อนจะได้สรรพคุณที่ดีกว่าใบแห้ง 

ประโยชน์ของใบมิ้นท์ 

>>ด้านผิวพรรณ
ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดการอักเสบ มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค ลดผดผื่นคันตามร่างกาย ลดกลิ่นตัวได้ดี มีสารอนุมูลอิสระ ช่วยระงับกลิ่นปากได้อีกด้วย

>>ด้านจิตใจ
ช่วยบรรเทาอาการเครียด ช่วยรักษาอาการปวดศีรษะ ไมเกรน ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ช่วยผ่อนคลายความกดดันของกล้ามเนื้อซึ่งมาจากความเหนื่อยล้า

>>ด้านอื่น ๆ
กลิ่นของใบสะระแหน่ช่วยในการไล่ยุงและแมลงต่าง ๆ ด้วยการนำใบมาบดแล้วนำมาทาที่ผิว

ช่วยแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ด้วยการนำใบสะระแหน่มาตำให้ละเอียดแล้วนำมาพอก

ช่วยแก้อาการปวดบวม ผดผื่นคัน ด้วยการนำใบมาตำให้ละเอียดแล้วนำมาพอกบริเวณดังกล่าว

ช่วยยับยั้งเชื้อโรคต่าง ๆ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย

ลักษณะ

เป็นของเหลว สีเขียว มีกลิ่นเฉพาะตัว

อัตราการใช้

ใส่ในสบู่ 2% - 7%
ใส่ในครีม โลชั่น โทนเนอร์ เอสเซ้นส์ 0.5% - 1%


ครูดานิ 
Line : @127wsjci  มี @ ข้างหน้าด้วยนะคะ

สอนทำสบู่น้ำมัน
สอนทำสบู่กรีเซอรีน
สอนทำเบสใส - เบสขุ่น
สอนทำครีมใช้เองแบบง่าย ๆ
สอนทำสบู่เหลวธรรมชาติ
รับเป็นที่ปรึกษาเรื่องการทำสบู่












วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

10 สมุนไพรรักษาสิว สมุนไพรรักษาสิวให้หายเร็วแบบธรรมชาติ


สมุนไพรรักษาสิว ที่สามารถนำมาใช้รักษาสิวให้หายเร็วแบบธรรมชาติแล้ว ยังปลอดภัยอีกด้วย รู้แบบนี้แล้ว ก็รีบมาทำความรู้จักกับ 10 สมุนไพรไทยที่
ช่วยรักษาสิวกันดีกว่าค่ะ

สมุนไพรไทย นั้นมีความสำคัญถือเป็นพรรณพืชที่มีสรรพคุณทางยา ที่ได้มีการนิยมนำมาใช้รักษาโรค เพื่อนๆรู้กันไหมคะ ว่าสมุนไพรบางชนิดยังมีสรรพคุณที่จะช่วยรักษาสิวให้หายเร็วๆได้อีกด้วย  เรียกได้ว่าเหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่เป็นสิวพอดี  เพราะนอกจากจะช่วยรักษาสิวให้หายและยุบเร็วแล้ว
ยังถือได้ว่าสามารถช่วยให้เป็นวิธีรักษาสิวที่ปลอดภัยจากธรรมชาติ และที่สำคัญเรายังสามารถทำการหาได้ง่าย ๆ ด้วย เพราะเป็นสมุนไพรไทย ที่มีให้เลือกอยู่ใกล้ ๆ รอบตัวเรานี่เองค่ะ
ทั้งนี้จะมีสมุนไพรไทยตัวไหนบ้างที่จะสามารถนำมาใช้จัดการกับปัญหาสิวอย่างได้ผลนั้น  วันนี้เราก็ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเหล่า  สมุนไพรต่างๆทั้ง 10 ชนิดที่สามารถนำมาใช้รักษาสิว มาให้กับสาว ๆ กันแล้วค่ะ


1. สมุนไพรรักษาสิว ใบบัวบก


สมุนไพรรักษาสิว โดยให้นำใบบัวบกมาตำก่อน ซึ่งจะต้องทำการตำให้ละเอียด และทำการผสมน้ำลงไปเล็กน้อย ซึ่งเมื่อใบบัวบกละเอียดแล้วจากนั้นให้นำมาโปะพอกหน้า โดยเฉพาะบริเวรที่เป็นสิวและให้ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วจึงค่อยเอาออก  จากนั้นก็ให้ล้างหน้าให้สะอาด โดยคุณสมบัติของใบบัวบกนั้นจะช่วยลดการอักเสบของสิว ได้เป็นอย่างดี  เป็นผลทำให้สิวจะค่อย ๆ ยุบลง และหายได้เร็วขึ้นกว่าเดิม


2. สมุนไพร ว่านหางจระเข้

สมุนไพร ว่านหางจระเข้จะมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงผิวอย่างดี สามารถช่วยป้องกันฝ้า ลดฝ้า ลดสิว และลดริ้วรอยดำได้ด้วย วิธีการนำว่านหางจระเข้มาใช้ในการรักษาสิวนั้นก็ง่ายๆ
โดยเพียงแค่นำเนื้อใส ๆ ของว่านหางจระเข้ มาทายังบริเวณที่เป็นสิว ซึ่งต้องทำการทาบ่อยๆ อย่างเป็นประจำ เพียงเท่านี้หน้าของคุณก็จะสวยใส ห่างไกลจากสิวได้ในเร็ววัน


3. สมุนไพรช่วยรักษาสิว ไพล


สมุนไพรช่วยรักษาสิว ไพล วิธีการนำ ไพลมาใช้ในการรักษาสิวนั้น ก็ให้นำเหง้าไพลมาหั่นแบบเป็นชิ้น ๆ และนำชิ้นไพลที่ได้ทำการหั่นเรียบร้อยแล้วนำมาตำ ซึ่งจะต้องทำการตำให้ละเอียด หลังจากนั้นให้ใส่น้ำที่สะอาด และดินสอพองผสมกันลงไป และทำการคนให้จนเป็นเนื้อเดียวกัน เสร็จแล้วก็ให้นำมาพอกหน้า
ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วจึงจะค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด  สิวที่อักเสบก็จะค่อย ๆ มีการยุบตัวลงไปอย่างรวดเร็ว และยังจะเป็นการดีที่สามารถช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย อันเป็นต้นเหตุของการช่วยลดการเกิดสิวใหม่ได้อีกด้วย


4. รักษาสิวด้วย หอมแดง

รักษาสิว ด้วยหอมแดง วิธีการนำหอมแดงมาใช้ในการรักษาสิวนั้น โดยให้นำหอมแดงมาหั่นเป็นแว่น ๆ แล้วให้ทำการทุบเล็กน้อย เพื่อให้มีน้ำของหอมแดงออกมา หลังจากนั้นให้เพื่อนๆนำหอมแดงที่ได้เอามาวางโปะไว้ตรงที่บริเวณหัวสิว หอมแดงจะมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เป็นผลทำให้สิวอักเสบยุบลงได้อย่างรวดเร็ว

5. รักษาสิวกับ กระเทียม


รักษาสิวกับ กระเทียม วิธีการนำ กระเทียมมาใช้ในการรักษาสิวนั้นสุดแสนจะง่ายมากๆ  โดยให้เพื่อนๆทำการนำกลีบกระเทียมเอามาฝานให้เป็นแผ่นบาง ๆ แล้วหลังจากนั้นให้นำกลีบกระเทียมที่เตรียมไว้นำไปถูบริเวณหัวสิว
และโปะทิ้งไว้โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที จึงจะค่อยเอาออก และทำการล้างหน้าให้สะอาดง  โดยที่กระเทียมจะมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ช่วยลดอาการอักเสบของสิว และยังสามารถลดรอยดำรอยแดงจากสิวได้ดีอีกด้วย


6. ใช้มะนาว รักษาสิว

สมุนไพรใช้รักษาสิว วิธีการนำมะนาวมาใช้ในการรักษาสิวนั้น โดยให้นำมานาวมาผ่าแบ่งออกเป็น 4 ซีก  และให้บีบน้ำมะนาวสด ๆ 1 ซีกเอาไป ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา และทำการคนให้เข้ากัน  จากนั้นก็ให้นำสำลีมาชุบ
และทาให้จนทั่วใบหน้า แล้วทิ้งไว้ก่อนโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีการนี้สามารถทำได้ทุกๆวัน ซึ่งเราจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่า สิวจะค่อย ๆ ลดลงและหายไปนั่นเอง


7. สมุนไพรลดสิว ขมิ้นชัน

สมุนไพรลดสิว วิธีการนำขมิ้นชันมาใช้ในการรักษาสิวนั้น โดยนำผงขมิ้นชันมาผสมกับน้ำมะนาว ทำการคนให้เข้ากัน เมื่อได้ที่แล้วก็ให้นำมาแต้มบริเวณที่เป็นสิว
และทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที ก่อนจึงค่อยทำการล้างออกให้สะอาด โดยขมิ้นชันและกรดที่เราได้จากน้ำมะนาว  จะมีฤทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เป็นเหตุทำให้สิวอักเสบยุบลงได้โดยง่าย และยังช่วยทำให้รอยดำรอยแดงจากสิวจางลงอีกด้วยเช่นกัน


8. สมุนไพรพอกสิว มะขามเปียก

สมุนไพรพอกสิว วิธีการในการใช้มะขามเปียกมาใช้ในการรักษาสิวนั้น ให้เพื่อนๆนำมะขามเปียกมาทำการละลายน้ำให้ข้น ๆ แล้วหลังจากนั้นให้เอาน้ำผึ้งผสมลงไปปริมาณเล็กน้อย และทำการคนให้เข้ากัน
หลังจากนั้นก็นำมาพอกหน้า และทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที เสร็จแล้วจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรนี้นอกจากจะช่วยให้สิวอักเสบยุบและแห้งลงได้รวดเร็วแล้ว อีกทั้งยังจะช่วยทำให้รอยสิวจางลงได้ดี


9 . สมุนไพรทาสิว กล้วยหอม

สมุนไพรทาสิว กล้วยหอม… นอกจากจะกินได้อร่อยแล้วยังมีคุณประโยชน์มากมายแก่ร่างกายของเราแล้ว กล้วยหอมยังช่วยให้ประโยชน์ต่อผิวพรรณเหมือนกันนะคะ วิธีการนำกล้วยหอมมาใช้ในการดูแลผิวพรรณนั้น
โดยให้นำกล้วยหอม 1 ลูก ปั่นผสมกันกับน้ำผึ้ง หลังปั่นเสร็จให้นำมาพอกทั่วใบหน้าแล้วทิ้งไว้รอประมาณ 15-20 นาที เมื่อครบแล้วให้ทำการล้างออกด้วยน้ำเปล่าที่สะอาด  ทำแบบนี้บ่อยๆจะสามารถช่วยทำให้หน้าตาแลดูสดใสขึ้นได้ และยังช่วยลดการเกิดสิวด้วย


10 . ใบบัวบก สมุนไพรรักษาสิว

สมุนไพรรักษาสิว ใบบัวบก เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วว่าเมื่อกินแล้ว จะช่วยรักษาอาการฟกช้ำได้เป็นอย่างดี และใบบัวบกยังมีสรรพคุณที่จะสามารถใช้ลดรอยดำอันเกิดจากสิว และยังสามารถช่วยลดริ้วรอยแผลเป็นจากสิว แผลคีลอยด์ได้อีกด้วย เนื่องจากใบบัวบกนั้นจะมีส่วนประกอบของสารไกลโคไซด์ (Glucosides)
อันสามารถช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ และสารชนิดนี้ยังมีส่วนสามารถช่วยในการสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหน้าของเราให้ดีอีกด้วย เมื่อคอลลาเจนได้ถูกสร้างเพิ่มขึ้น ผลที่ได้ตามมาก็คือ รอยดำต่างๆก็จะลดลง เจือจางลงไปได้ และยังจะทำให้ผิวหน้าโดยรวมดีขึ้นกว่าเดิม อีกต่างหาก
วิธีการใช้ใบบัวบก มาใช้ในการดูแลรักษาหน้านั้น ให้นำใบบัวบกไปปั่นกับเครื่องปั่น หรือหากใครไม่มีเครื่องปั่น  แล้วให้เพื่อนๆเอาใบบัวบกไปตำไว้ในครกก็ได้โดยต้องตำจนใบบัวบกละเอียดค่ะ หลังจากนั้นก็นำใบบัวบกที่ได้ เอามาพอกที่บริเวณหน้าได้เลย แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จึงจะล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ว้าว… ว้าว…  มีสมุนไพรไทยที่ช่วยรักษาสิวได้  ให้เลือกใช้เยอะแยะมากมายจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว แถมแต่ละอย่างนี่ก็สุดแสนจะหาได้ง่าย ๆ จากในครัวทั้งนั้น  คราวนี้ล่ะก็คงจะหมดปัญหาเรื่องสิวป่วนกวนใจแน่นอน

ทำสบู่ได้ง่าย ๆ คุณก็ทำได้ เช่นกัน
อยากทำสบู่ได้ อยากทำสบู่เป็น 
อยากทำสบู่ใช้เองแต่ไม่มีพื้นฐานใด ๆ เลย
ครูดานิแนะนำคู่มือการทำสบู่
สูตรสร้างอาชีพ ทักมาได้นะคะ

Line : @127wsjci

หรือทางข้อความเพจ : สอนทำสบู่ เรียนทำสบู่ สอนออนไลน์ ครูดานิ
หรือเข้าไปเยี่ยมชมเวปไซด์ได้คะ

www.danidanisoap.com










10 สูตรสมุนไพร “รักษาฝ้า” ปลอดภัย ได้ผลชัวร์


เชื่อเลยว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือคุณผู้ชายหลายๆคน จะต้องพบเจอกับปัญหาในเรื่องของผิวพรรณ หลายคนอาจจะทำงานตากแดด หลายคนอาจจะอยู่ในร่ม แต่ก็อาจจะเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และแน่นอนว่าในวันนี้เรามีเรื่องดีๆมาฝากเพื่อนๆกัน รับรองเลยว่า ฝ้ากระจุดด่างดำของเพื่อนๆ จะต้องหายไปจากใบหน้าอย่างแน่นอน



1.มะนาว

คั้นเอาน้ำมะนาวออกมา นำน้ำมะนาวไปทาบริเวณที่เป็นฝ้า โดยถูเบาๆ ให้ทั่วประมาณ 1-2 นาที ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นใช้น้ำอุ่นล้างออก ทำประมาณวันละ 2 รอบ จะเห็นผลประมาณภายใน 3 สัปดาห์



2.น้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์

กรดน้ำส้มที่พบในน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ เป็นสารฟอกผิวที่มีประสิทธิภาพมาก โดยกรดน้ำส้มนี้จะสามารถช่วยลบรอยฝ้า รอยด่างดำ และทำให้ผิวนุ่นนวยและกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ขั้นตอนการรักษาฝ้าด้วยน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ มีดังนี้

นำน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์และน้ำเปล่ามาผสมกันในอัตราส่วนที่เท่าๆ กัน น้ำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้งเองโดยธรรมชาติ จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น เช็ดผิวให้แห้ง ควรทำอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง



3.ขมิ้น

ขมิ้นสามารถช่วยลดสารเมลานินบนผิวหนังได้ อีกทั้งยังช่วยกำจัดฝ้าให้จางลงได้อีกด้วย เคอคูมินเป็นส่วนประกอบหลักในขมิ้น มีคุณสมบัติพิเศษทำให้ผิวเรากระจ่างใสขึ้น และยังเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย สูตรขมิ้นรักษาฝ้า สามารถทำได้ดังนี้ คือ

ผสมผงขมิ้นปริมาณ 5 ช้อนโต๊ะ กับนมปริมาณ 10 ช้อนโต๊ะ แนะนำว่าควรเป็นนมชนิดที่ยังไม่ได้แยกไขมันออก เพราะนมประเภทนี้จะยังมีกรดแลคติคและแคลเซี่ยมอยู่ เป็นตัวช่วยให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวและทำให้ผิวนุ่มขึ้น ผสมแป้งถั่วลูกไก่ลงไปเพื่อให้ส่วนผสมมันข้น นำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 20 นาที หลังจากนั้นใช้น้ำอุ่นล้างออก แล้วเซ็ดให้แห้ง เพื่อให้เห็นผลอย่างรวดเร็ว ควรทำสูตรนี้วันละครั้ง




4.น้ำหัวหอมใหญ่

สูตรรักษาฝ้าด้วยน้ำหัวหอมใหญ่เป็นอีกสูตรนึงที่มีประสิทธิภาพในการปรับสภาพผิวให้กลับมาเป็นปกติ ในหัวหอมใหญ่จะมีส่วนผสมของกำมะถันทำให้น้ำหัวหอมใหญ่สามารถแก้ฝ้าหรือทำให้ฝ้าจางลงได้ นอกจากนั้น น้ำหัวหอมใหญ่ยังช่วยบำรุงเซลล์ผิวอีกด้วย ขั้นตอนการทำน้ำหัวหอมใหญ่รักษาฝ้า มีดังนี้

นำหอมหัวใหญ่ 2-3 หัว มาสับให้ละเอียด นำผ้าขาวบางมาห่อ จากนั้นก็บีบเอาน้ำหัวหอมใหญ่ออกมา นำน้ำหัวหอมใหญ่ที่ได้มาผสมกับน้ำส้มแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ในอัตราส่วนที่เท่ากัน ใช้สำลีก้อนชุบส่วนผสมที่ได้ จากนั้นนำไปทาบริเวณที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำประมาณวันละ 2 รอบ จะเห็นผลภายในไม่กี่สัปดาห์



5.ว่านหางจระเข้

เชื่อหรือไม่ว่าเมือกเหนียวๆ ในเนื้อว่านหางจระเข้มีสรรพคุณสามารถช่วยทำให้ฝ้าจางลงได้ ทำให้สีผิวกลับไปเป็นสีปกติ นอกจากนี้ว่านหางจระเข้ยังช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่เสียไปแล้วออกจากผิวหนังและช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ วิธีรักษาฝ้าด้วยว่านหางจระเข้ ทำได้ดังนี้ คือ

ตัดว่านหางจระเข้มา จากนั้นคว้านเอาเฉพาะเนื้อใสๆ ด้านใน ทน้ำเนื้อว่านหางจระเข้ที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า นวดเบาๆ ประมาณ 1-2 นาที ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นใช้น้ำอุ่นล้างออกให้สะอาด ควรทำวันละ 2 ครั้ง จะเห็นผลภายในไม่กี่สัปดาห์


6.ข้าวโอ๊ต (Oatmeal)

ข้าวโอ๊ตเป็นวัตถุดิบธรรมชาติที่ช่วยทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว โดยเฉพาะการทำให้จุดด่าง ดำบนใบหน้าลบเลือนลง และข้าวโอ๊ตยังช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่เสียไปแล้ว ทำให้ผิวของคุณดูสว่างใสมากยิ่งขึ้น สูตรข้าวโอ๊ตรักษาฝ้า ทำได้ดังนี้ คือ

นำข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ นมสด 2 ช้อนโต๊ะ และ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน นำไปทาบริเวณที่เป็นฝ้า หรือมีรอยจุดด่าง ดำ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด ใช้ผ้าสะอาดเช็ดให้แห้ง ควรทำสูตรนี้ประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ทำต่อเนื่องประมาณ 1 เดือนจะเริ่มเห็นผล




7.อัลมอนด์

ปกติแล้วในอัลมอนด์จะมีโปรตีนในปริมาณสูง หากรับประทานเป็นประจำจะทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น นอกจากนั้นยังมีวิตามิน อี ช่วยบำรุงผิวและลบรอยหมองคล้ำบนผิวของเราได้ สูตรอัลมอนด์รักษาฝ้า ทำง่ายๆ ดังนี้

ผสมผงอัลมอนด์กับน้ำผึ้งในปริมาณที่พอเหมาะ นำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ควรทำอาทิตย์ละ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์จนกว่าจะเห็นผล

อีกทางเลือกนึง นำอัลมอนด์แช่ลงไปในน้ำนมให้ชุ่ม จากนั้นนำไปบดให้ละเอียด เติมน้ำผึ้งลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วผสมให้เข้ากัน นำส่วนผสมครีมแก้ฝ้าที่ได้ไปทาบริเวณที่เกิดฝ้า แนะนำให้ทำก่อนนอนแล้วทิ้งไว้จนถึงตอนเช้า พอตื่นขึ้นมาก็ล้างออกด้วยน้ำเย็น แนะนะว่าควรทำทุกวันๆละ 1 ครั้ง ประมาณ 2 อาทิตย์จะเริ่มเห็นผล




8.ฮอร์สแรดิช (Horseradish)

หัวฮอร์สแรดิชสามารถนำมาใช้ในการรักษาฝ้าได้ ซึ่งวิธีนี้มีการใช้มานานแล้ว บ้านเราค่อนข้างหายากหน่อย ฮอร์สแรดิชจะมีคุณสมบัติช่วยกำจัดเซลล์ผิวเพื่อให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ลดรอยหมองคล้ำของผิวหนัง รวมถึงรักษาฝ้า หรือทำให้ฝ้าจางลงได้ วิธีใช้ฮอร์สแรดิชรักษาฝ้า ทำได้ดังนี้

หั่นหัวฮอร์สแรดิชเป็นแว่นๆ จากนั้นก็นำไปถูบริเวณที่มีรอยฝ้า ให้น้ำที่ซึมออกมาจากหัวฮอร์สแรดิชซึมเข้าไปในผิวหนัง ปล่อยไว้ให้แห้งเอง หลังจากที่แห้งแล้วให้ใช้น้ำอุ่นล้างหน้าสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง ควรทำอาทิตย์ละครั้งจนกว่ารอยดำจากฝ้าจะจางหายไป ผสมผงฮอร์สแรดิช 2 ช้อนโต๊ะกับครีมเปรี้ยวปริมาณ 1 ถ้วย ให้เข้ากัน จากนั้นนำไปทาบริเวณที่เป็นฝ้า หรือรอบหมองคล้ำ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น ควรทำอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ทำต่อเนื่องจนกว่าจะเห็นผล



9.มะละกอ

แปปเพ็น เป็นเอนไซม์ชนิดนึงที่พบในมะละกอ เอนไซม์ตัวนี้มีฤทธิ์ในการช่วยให้ผิวหนังผลัดเซลล์ผิวได้ดี โดยช่วยเร่งการกำจัดเซลล์ผิวหนังชั้นนอกที่เสียหรือเสื่อมโทรม ขั้นตอนการใช้มะละกอรักษาฝ้า ทำได้ตามนี้

นำมะละกอสุกมาบดให้เละ ผสมน้ำผึ้งสองช้อนโต๊ะต่อมะละกอสุกบดหนึ่งถ้วยครึ่ง นำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น ควรทำตามสูตรนี้อาทิตย์ละครั้ง ต่อเนื่องกันหลายเดือนถึงจะเห็นผลที่ชัดเจน





10.ไม้จันทน์

ไม้จันทน์เป็นวัตถุดิบอีกตัวนึงที่มีประสิทธิภาพในการทำให้ผิวดูสว่าง ใส ขึ้น นอกจากนั้นไม้จันทน์ยังช่วยให้สภาพผิวดีขึ้นและลดการเกิดฝ้า รอยด่างดำ ต่างๆที่อาจจะเกิดกับผิวได้ มาดูวิธีใช้ไม้จันทน์รักษาฝ้า กันได้เลย

นำผงไม้จันทน์ ผงขมิ้น และนมมาในอัตราส่วนที่เท่ากัน จากนั้นผสมให้เข้ากันจนได้ส่วนผสมที่เหนียวๆ นำส่วนผสมที่ได้จากการเตรียมข้อ 1 มาทาให้ทั่วบริเวณที่เกิดฝ้า แล้วทิ้งไว้จนกว่าส่วนผสมทั้งหมดจะแห้งไปเอง หลังจากที่ส่วนผสมทั้งหมดแห้งแล้ว ให้ใช้น้ำสะอาดลูบบริเวณที่ทาส่วนผสมลงไปให้พอเปียกๆ จากนั้นก็ถูเป็นวงกลมรอบๆ บริเวณที่เป็นฝ้า สุดท้าย ล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง ควรทำตามสูตรนี้ประมาณอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง ทำต่อเนื่องจนกว่าจะเห็นผลที่ชัดเจน

ควบคู่ไปกับการใช้สมุนไพรรักษาฝ้า เราควรที่จะหลีกเลี่ยงแสงแดด อย่าโดนแดดแรงๆ เป็นเวลานานๆ และอย่าลืม หากต้องออกไปสถานที่ที่ต้องโดนแสงแดดเป็นประจำ เราควรทาโลชั่นป้องกันแสงแดดเอาไว้ด้วยเพื่อไม่ให้ผิวของเราโดนรังสียูวีจากดวงอาทิตย์ทำร้าย ควรรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง ดื่มน้ำในประมาณที่มากเพียงพอเพื่อกำจัดท็อกซินและป้องกันไม่ให้เกิดฝ้า จำไว้ว่าการป้องกันคือวิธีรักษาฝ้าที่ดีที่สุด

ขอขอบคุณ : nomoremelasma