วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2563

สารสกัดอะโวคาโด - ผิวสวยสุขภาพดี






ขนาดบรรจุ
ขนาด 100 กรัม  200
ขนาด 1 kg  1,700

สารสกัดอะโวคาโด
อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินดี และวิตามินอี 
ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ  นอกจากนี้ยังมี โปรตีนแลซิติน เบต้าแคโรทีน และกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่จำเป็น โดยเฉพาะผิวที่แห้งและขาดความชุ่มชื่น ให้ความชุ่มชื่นมาก ช่วยบรรเทาโรคผิวหนัง ผิวแก่ก่อนวัยอันควร ลดจุดด่างดำ ลดรอยแผลเป็น ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ฟื้นฟูสภาพผิว และช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิวอีกด้วย 

ประโยชน์ของสารสกัดจาก Avocado
>ช่วยลดริ้วรอย กระตุ้มการสร้างคอลลาเจน
>ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV 
>ช่วยฟื้นฟูผิวคล้ำเสียที่เกิดจากแสงแดด
>ช่วยลดรอยแผลเป็นให้จางลง
>ช่วยให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว ฟื้นฟูผิวที่แห้งให้กลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง
>ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ
>ช่วยลดจุดด่างกำต่างๆ ฝ้า กระ
>ช่วยลดการอักเสบของผิว บรรเทาอาการผื่นคัน
>ใช้ในการหมัดผมบำรุงผม เพื่อให้ผมนุ่มสวย เงางาม
>ใช้นวดศรีษะเพื่อช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผม

ลักษณะ : เป็นของเหลวใส

อัตราการใช้
ใส่ในสบู่ 1-2 %   
ใส่ในครีม โลชั่น เจล เซรั่ม เอสเซนส์  0.1-0.2% (แนะนำ 0.2%) หรือตามสูตรเครื่องสำอาง 

ประโยชน์
ช่วยลดริ้วรอย  
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนแก่ผิว 
ปกป้องผิวจากรังสี UV 
ฟื้นฟูผิวคล้ำเสียที่เกิดจากแสงแดด 
ลดรอยแผลเป็นให้จางลง 
ทำให้ผิวดูขาวกระจ่างใสเรียบเนียนขึ้น 
ทำให้ผิวชุ่มชื่นขึ้น  ฟื้นฟูผิวที่แห้งให้กลับมาชุ่มชื่นช่วยลดจุดด่างดต่างๆ ฝ้า กระ 
ช่วยลดการอักเสบของผิว 
บรรเทาอาการผื่นคัน 
ช่วยบำรุงผมเพื่อให้ผมนุ่มสวย เงางาม 
ช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผมได้อีกด้วย

ทิป
-ใส่ในสบู่กรีเซอรีน ให้ใส่ในขั้นตอนสุดท้าย ให้เบสกรีเซอรีนอุณหภูมิต่ำ ๆ ก่อน ค่อยใส่สารสกัดลงไป
-ใส่ในสบู่น้ำมัน ให้ใส่ในขั้นตอนก่อนเทลงสบู่
-ใส่ในครีม เซรั่ม โลชั่น ให้ใส่ในขั้นตอนสุดท้าย อุณหภูมิ ควรต่ำประมาณ 45 องศา


ครูดานิ  Line : @127wsjci มี @ ข้างหน้าด้วยนะคะ

สอนทำสบู่น้ำมัน
สอนทำสบู่กรีเซอรีน
สอนทำเบสใส - เบสขุ่น
สอนทำครีมใช้เองแบบง่าย ๆ
สอนทำสบู่เหลวธรรมชาติ
รับเป็นที่ปรึกษาเรื่องการทำสบู่










สรรพคุณ สารสกัดมิ้นท์ - ลดกลิ่นตัว






ขนาดบรรจุ
ขนาด 100 กรัม  200
ขนาด 1000 กรัม 1,700

สรรพคุณสารสกัดใบมิ้นท์ Mint Extract 


ใบมิ้นท์ หรือ ภาษาบ้านเราเรียกว่า ใบสะระแหน่
สะระแหน่ ชื่อสามัญ Kitchen Mint, Marsh Mint
สะระแหน่ ชื่อวิทยาศาสตร์ Mentha × villosa Huds.

มีแหล่งกำเนิดในแถบทวีปยุโรปตอนใต้และในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ลักษณะใบจะคล้ายคลึงกับพืชในตระกูลมิ้นท์มาก มีกลิ่นหอมคล้ายมะนาว รสชาติจะคล้าย ๆ กับตะไคร้หอมและมะนาว

ใบมิ้นท์ หรือ ใบสะระแหน่ 
อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ หลายชนิด 
เช่น เบต้าแคโรทีน วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 
วิตามินบี 3 วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เป็นต้น และยังให้พลังงาน 47 กิโลแคลอรี่ (ใน 100 กรัม) 
โดยใบสะระแหน่นั้นควรเลือกใช้ใบสดและยอดอ่อนจะได้สรรพคุณที่ดีกว่าใบแห้ง 

ประโยชน์ของใบมิ้นท์ 

>>ด้านผิวพรรณ
ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดการอักเสบ มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค ลดผดผื่นคันตามร่างกาย ลดกลิ่นตัวได้ดี มีสารอนุมูลอิสระ ช่วยระงับกลิ่นปากได้อีกด้วย

>>ด้านจิตใจ
ช่วยบรรเทาอาการเครียด ช่วยรักษาอาการปวดศีรษะ ไมเกรน ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ช่วยผ่อนคลายความกดดันของกล้ามเนื้อซึ่งมาจากความเหนื่อยล้า

>>ด้านอื่น ๆ
กลิ่นของใบสะระแหน่ช่วยในการไล่ยุงและแมลงต่าง ๆ ด้วยการนำใบมาบดแล้วนำมาทาที่ผิว

ช่วยแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ด้วยการนำใบสะระแหน่มาตำให้ละเอียดแล้วนำมาพอก

ช่วยแก้อาการปวดบวม ผดผื่นคัน ด้วยการนำใบมาตำให้ละเอียดแล้วนำมาพอกบริเวณดังกล่าว

ช่วยยับยั้งเชื้อโรคต่าง ๆ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย

ลักษณะ

เป็นของเหลว สีเขียว มีกลิ่นเฉพาะตัว

อัตราการใช้

ใส่ในสบู่ 2% - 7%
ใส่ในครีม โลชั่น โทนเนอร์ เอสเซ้นส์ 0.5% - 1%


ครูดานิ 
Line : @127wsjci  มี @ ข้างหน้าด้วยนะคะ

สอนทำสบู่น้ำมัน
สอนทำสบู่กรีเซอรีน
สอนทำเบสใส - เบสขุ่น
สอนทำครีมใช้เองแบบง่าย ๆ
สอนทำสบู่เหลวธรรมชาติ
รับเป็นที่ปรึกษาเรื่องการทำสบู่












วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

10 สมุนไพรรักษาสิว สมุนไพรรักษาสิวให้หายเร็วแบบธรรมชาติ


สมุนไพรรักษาสิว ที่สามารถนำมาใช้รักษาสิวให้หายเร็วแบบธรรมชาติแล้ว ยังปลอดภัยอีกด้วย รู้แบบนี้แล้ว ก็รีบมาทำความรู้จักกับ 10 สมุนไพรไทยที่
ช่วยรักษาสิวกันดีกว่าค่ะ

สมุนไพรไทย นั้นมีความสำคัญถือเป็นพรรณพืชที่มีสรรพคุณทางยา ที่ได้มีการนิยมนำมาใช้รักษาโรค เพื่อนๆรู้กันไหมคะ ว่าสมุนไพรบางชนิดยังมีสรรพคุณที่จะช่วยรักษาสิวให้หายเร็วๆได้อีกด้วย  เรียกได้ว่าเหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่เป็นสิวพอดี  เพราะนอกจากจะช่วยรักษาสิวให้หายและยุบเร็วแล้ว
ยังถือได้ว่าสามารถช่วยให้เป็นวิธีรักษาสิวที่ปลอดภัยจากธรรมชาติ และที่สำคัญเรายังสามารถทำการหาได้ง่าย ๆ ด้วย เพราะเป็นสมุนไพรไทย ที่มีให้เลือกอยู่ใกล้ ๆ รอบตัวเรานี่เองค่ะ
ทั้งนี้จะมีสมุนไพรไทยตัวไหนบ้างที่จะสามารถนำมาใช้จัดการกับปัญหาสิวอย่างได้ผลนั้น  วันนี้เราก็ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเหล่า  สมุนไพรต่างๆทั้ง 10 ชนิดที่สามารถนำมาใช้รักษาสิว มาให้กับสาว ๆ กันแล้วค่ะ


1. สมุนไพรรักษาสิว ใบบัวบก


สมุนไพรรักษาสิว โดยให้นำใบบัวบกมาตำก่อน ซึ่งจะต้องทำการตำให้ละเอียด และทำการผสมน้ำลงไปเล็กน้อย ซึ่งเมื่อใบบัวบกละเอียดแล้วจากนั้นให้นำมาโปะพอกหน้า โดยเฉพาะบริเวรที่เป็นสิวและให้ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วจึงค่อยเอาออก  จากนั้นก็ให้ล้างหน้าให้สะอาด โดยคุณสมบัติของใบบัวบกนั้นจะช่วยลดการอักเสบของสิว ได้เป็นอย่างดี  เป็นผลทำให้สิวจะค่อย ๆ ยุบลง และหายได้เร็วขึ้นกว่าเดิม


2. สมุนไพร ว่านหางจระเข้

สมุนไพร ว่านหางจระเข้จะมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงผิวอย่างดี สามารถช่วยป้องกันฝ้า ลดฝ้า ลดสิว และลดริ้วรอยดำได้ด้วย วิธีการนำว่านหางจระเข้มาใช้ในการรักษาสิวนั้นก็ง่ายๆ
โดยเพียงแค่นำเนื้อใส ๆ ของว่านหางจระเข้ มาทายังบริเวณที่เป็นสิว ซึ่งต้องทำการทาบ่อยๆ อย่างเป็นประจำ เพียงเท่านี้หน้าของคุณก็จะสวยใส ห่างไกลจากสิวได้ในเร็ววัน


3. สมุนไพรช่วยรักษาสิว ไพล


สมุนไพรช่วยรักษาสิว ไพล วิธีการนำ ไพลมาใช้ในการรักษาสิวนั้น ก็ให้นำเหง้าไพลมาหั่นแบบเป็นชิ้น ๆ และนำชิ้นไพลที่ได้ทำการหั่นเรียบร้อยแล้วนำมาตำ ซึ่งจะต้องทำการตำให้ละเอียด หลังจากนั้นให้ใส่น้ำที่สะอาด และดินสอพองผสมกันลงไป และทำการคนให้จนเป็นเนื้อเดียวกัน เสร็จแล้วก็ให้นำมาพอกหน้า
ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วจึงจะค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด  สิวที่อักเสบก็จะค่อย ๆ มีการยุบตัวลงไปอย่างรวดเร็ว และยังจะเป็นการดีที่สามารถช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย อันเป็นต้นเหตุของการช่วยลดการเกิดสิวใหม่ได้อีกด้วย


4. รักษาสิวด้วย หอมแดง

รักษาสิว ด้วยหอมแดง วิธีการนำหอมแดงมาใช้ในการรักษาสิวนั้น โดยให้นำหอมแดงมาหั่นเป็นแว่น ๆ แล้วให้ทำการทุบเล็กน้อย เพื่อให้มีน้ำของหอมแดงออกมา หลังจากนั้นให้เพื่อนๆนำหอมแดงที่ได้เอามาวางโปะไว้ตรงที่บริเวณหัวสิว หอมแดงจะมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เป็นผลทำให้สิวอักเสบยุบลงได้อย่างรวดเร็ว

5. รักษาสิวกับ กระเทียม


รักษาสิวกับ กระเทียม วิธีการนำ กระเทียมมาใช้ในการรักษาสิวนั้นสุดแสนจะง่ายมากๆ  โดยให้เพื่อนๆทำการนำกลีบกระเทียมเอามาฝานให้เป็นแผ่นบาง ๆ แล้วหลังจากนั้นให้นำกลีบกระเทียมที่เตรียมไว้นำไปถูบริเวณหัวสิว
และโปะทิ้งไว้โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที จึงจะค่อยเอาออก และทำการล้างหน้าให้สะอาดง  โดยที่กระเทียมจะมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ช่วยลดอาการอักเสบของสิว และยังสามารถลดรอยดำรอยแดงจากสิวได้ดีอีกด้วย


6. ใช้มะนาว รักษาสิว

สมุนไพรใช้รักษาสิว วิธีการนำมะนาวมาใช้ในการรักษาสิวนั้น โดยให้นำมานาวมาผ่าแบ่งออกเป็น 4 ซีก  และให้บีบน้ำมะนาวสด ๆ 1 ซีกเอาไป ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา และทำการคนให้เข้ากัน  จากนั้นก็ให้นำสำลีมาชุบ
และทาให้จนทั่วใบหน้า แล้วทิ้งไว้ก่อนโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีการนี้สามารถทำได้ทุกๆวัน ซึ่งเราจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่า สิวจะค่อย ๆ ลดลงและหายไปนั่นเอง


7. สมุนไพรลดสิว ขมิ้นชัน

สมุนไพรลดสิว วิธีการนำขมิ้นชันมาใช้ในการรักษาสิวนั้น โดยนำผงขมิ้นชันมาผสมกับน้ำมะนาว ทำการคนให้เข้ากัน เมื่อได้ที่แล้วก็ให้นำมาแต้มบริเวณที่เป็นสิว
และทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที ก่อนจึงค่อยทำการล้างออกให้สะอาด โดยขมิ้นชันและกรดที่เราได้จากน้ำมะนาว  จะมีฤทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เป็นเหตุทำให้สิวอักเสบยุบลงได้โดยง่าย และยังช่วยทำให้รอยดำรอยแดงจากสิวจางลงอีกด้วยเช่นกัน


8. สมุนไพรพอกสิว มะขามเปียก

สมุนไพรพอกสิว วิธีการในการใช้มะขามเปียกมาใช้ในการรักษาสิวนั้น ให้เพื่อนๆนำมะขามเปียกมาทำการละลายน้ำให้ข้น ๆ แล้วหลังจากนั้นให้เอาน้ำผึ้งผสมลงไปปริมาณเล็กน้อย และทำการคนให้เข้ากัน
หลังจากนั้นก็นำมาพอกหน้า และทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที เสร็จแล้วจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรนี้นอกจากจะช่วยให้สิวอักเสบยุบและแห้งลงได้รวดเร็วแล้ว อีกทั้งยังจะช่วยทำให้รอยสิวจางลงได้ดี


9 . สมุนไพรทาสิว กล้วยหอม

สมุนไพรทาสิว กล้วยหอม… นอกจากจะกินได้อร่อยแล้วยังมีคุณประโยชน์มากมายแก่ร่างกายของเราแล้ว กล้วยหอมยังช่วยให้ประโยชน์ต่อผิวพรรณเหมือนกันนะคะ วิธีการนำกล้วยหอมมาใช้ในการดูแลผิวพรรณนั้น
โดยให้นำกล้วยหอม 1 ลูก ปั่นผสมกันกับน้ำผึ้ง หลังปั่นเสร็จให้นำมาพอกทั่วใบหน้าแล้วทิ้งไว้รอประมาณ 15-20 นาที เมื่อครบแล้วให้ทำการล้างออกด้วยน้ำเปล่าที่สะอาด  ทำแบบนี้บ่อยๆจะสามารถช่วยทำให้หน้าตาแลดูสดใสขึ้นได้ และยังช่วยลดการเกิดสิวด้วย


10 . ใบบัวบก สมุนไพรรักษาสิว

สมุนไพรรักษาสิว ใบบัวบก เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วว่าเมื่อกินแล้ว จะช่วยรักษาอาการฟกช้ำได้เป็นอย่างดี และใบบัวบกยังมีสรรพคุณที่จะสามารถใช้ลดรอยดำอันเกิดจากสิว และยังสามารถช่วยลดริ้วรอยแผลเป็นจากสิว แผลคีลอยด์ได้อีกด้วย เนื่องจากใบบัวบกนั้นจะมีส่วนประกอบของสารไกลโคไซด์ (Glucosides)
อันสามารถช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ และสารชนิดนี้ยังมีส่วนสามารถช่วยในการสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหน้าของเราให้ดีอีกด้วย เมื่อคอลลาเจนได้ถูกสร้างเพิ่มขึ้น ผลที่ได้ตามมาก็คือ รอยดำต่างๆก็จะลดลง เจือจางลงไปได้ และยังจะทำให้ผิวหน้าโดยรวมดีขึ้นกว่าเดิม อีกต่างหาก
วิธีการใช้ใบบัวบก มาใช้ในการดูแลรักษาหน้านั้น ให้นำใบบัวบกไปปั่นกับเครื่องปั่น หรือหากใครไม่มีเครื่องปั่น  แล้วให้เพื่อนๆเอาใบบัวบกไปตำไว้ในครกก็ได้โดยต้องตำจนใบบัวบกละเอียดค่ะ หลังจากนั้นก็นำใบบัวบกที่ได้ เอามาพอกที่บริเวณหน้าได้เลย แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จึงจะล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ว้าว… ว้าว…  มีสมุนไพรไทยที่ช่วยรักษาสิวได้  ให้เลือกใช้เยอะแยะมากมายจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว แถมแต่ละอย่างนี่ก็สุดแสนจะหาได้ง่าย ๆ จากในครัวทั้งนั้น  คราวนี้ล่ะก็คงจะหมดปัญหาเรื่องสิวป่วนกวนใจแน่นอน

ทำสบู่ได้ง่าย ๆ คุณก็ทำได้ เช่นกัน
อยากทำสบู่ได้ อยากทำสบู่เป็น 
อยากทำสบู่ใช้เองแต่ไม่มีพื้นฐานใด ๆ เลย
ครูดานิแนะนำคู่มือการทำสบู่
สูตรสร้างอาชีพ ทักมาได้นะคะ

Line : @127wsjci

หรือทางข้อความเพจ : สอนทำสบู่ เรียนทำสบู่ สอนออนไลน์ ครูดานิ
หรือเข้าไปเยี่ยมชมเวปไซด์ได้คะ

www.danidanisoap.com










10 สูตรสมุนไพร “รักษาฝ้า” ปลอดภัย ได้ผลชัวร์


เชื่อเลยว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือคุณผู้ชายหลายๆคน จะต้องพบเจอกับปัญหาในเรื่องของผิวพรรณ หลายคนอาจจะทำงานตากแดด หลายคนอาจจะอยู่ในร่ม แต่ก็อาจจะเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และแน่นอนว่าในวันนี้เรามีเรื่องดีๆมาฝากเพื่อนๆกัน รับรองเลยว่า ฝ้ากระจุดด่างดำของเพื่อนๆ จะต้องหายไปจากใบหน้าอย่างแน่นอน



1.มะนาว

คั้นเอาน้ำมะนาวออกมา นำน้ำมะนาวไปทาบริเวณที่เป็นฝ้า โดยถูเบาๆ ให้ทั่วประมาณ 1-2 นาที ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นใช้น้ำอุ่นล้างออก ทำประมาณวันละ 2 รอบ จะเห็นผลประมาณภายใน 3 สัปดาห์



2.น้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์

กรดน้ำส้มที่พบในน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ เป็นสารฟอกผิวที่มีประสิทธิภาพมาก โดยกรดน้ำส้มนี้จะสามารถช่วยลบรอยฝ้า รอยด่างดำ และทำให้ผิวนุ่นนวยและกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ขั้นตอนการรักษาฝ้าด้วยน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ มีดังนี้

นำน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์และน้ำเปล่ามาผสมกันในอัตราส่วนที่เท่าๆ กัน น้ำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้งเองโดยธรรมชาติ จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น เช็ดผิวให้แห้ง ควรทำอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง



3.ขมิ้น

ขมิ้นสามารถช่วยลดสารเมลานินบนผิวหนังได้ อีกทั้งยังช่วยกำจัดฝ้าให้จางลงได้อีกด้วย เคอคูมินเป็นส่วนประกอบหลักในขมิ้น มีคุณสมบัติพิเศษทำให้ผิวเรากระจ่างใสขึ้น และยังเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย สูตรขมิ้นรักษาฝ้า สามารถทำได้ดังนี้ คือ

ผสมผงขมิ้นปริมาณ 5 ช้อนโต๊ะ กับนมปริมาณ 10 ช้อนโต๊ะ แนะนำว่าควรเป็นนมชนิดที่ยังไม่ได้แยกไขมันออก เพราะนมประเภทนี้จะยังมีกรดแลคติคและแคลเซี่ยมอยู่ เป็นตัวช่วยให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวและทำให้ผิวนุ่มขึ้น ผสมแป้งถั่วลูกไก่ลงไปเพื่อให้ส่วนผสมมันข้น นำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 20 นาที หลังจากนั้นใช้น้ำอุ่นล้างออก แล้วเซ็ดให้แห้ง เพื่อให้เห็นผลอย่างรวดเร็ว ควรทำสูตรนี้วันละครั้ง




4.น้ำหัวหอมใหญ่

สูตรรักษาฝ้าด้วยน้ำหัวหอมใหญ่เป็นอีกสูตรนึงที่มีประสิทธิภาพในการปรับสภาพผิวให้กลับมาเป็นปกติ ในหัวหอมใหญ่จะมีส่วนผสมของกำมะถันทำให้น้ำหัวหอมใหญ่สามารถแก้ฝ้าหรือทำให้ฝ้าจางลงได้ นอกจากนั้น น้ำหัวหอมใหญ่ยังช่วยบำรุงเซลล์ผิวอีกด้วย ขั้นตอนการทำน้ำหัวหอมใหญ่รักษาฝ้า มีดังนี้

นำหอมหัวใหญ่ 2-3 หัว มาสับให้ละเอียด นำผ้าขาวบางมาห่อ จากนั้นก็บีบเอาน้ำหัวหอมใหญ่ออกมา นำน้ำหัวหอมใหญ่ที่ได้มาผสมกับน้ำส้มแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ในอัตราส่วนที่เท่ากัน ใช้สำลีก้อนชุบส่วนผสมที่ได้ จากนั้นนำไปทาบริเวณที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำประมาณวันละ 2 รอบ จะเห็นผลภายในไม่กี่สัปดาห์



5.ว่านหางจระเข้

เชื่อหรือไม่ว่าเมือกเหนียวๆ ในเนื้อว่านหางจระเข้มีสรรพคุณสามารถช่วยทำให้ฝ้าจางลงได้ ทำให้สีผิวกลับไปเป็นสีปกติ นอกจากนี้ว่านหางจระเข้ยังช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่เสียไปแล้วออกจากผิวหนังและช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ วิธีรักษาฝ้าด้วยว่านหางจระเข้ ทำได้ดังนี้ คือ

ตัดว่านหางจระเข้มา จากนั้นคว้านเอาเฉพาะเนื้อใสๆ ด้านใน ทน้ำเนื้อว่านหางจระเข้ที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า นวดเบาๆ ประมาณ 1-2 นาที ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นใช้น้ำอุ่นล้างออกให้สะอาด ควรทำวันละ 2 ครั้ง จะเห็นผลภายในไม่กี่สัปดาห์


6.ข้าวโอ๊ต (Oatmeal)

ข้าวโอ๊ตเป็นวัตถุดิบธรรมชาติที่ช่วยทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว โดยเฉพาะการทำให้จุดด่าง ดำบนใบหน้าลบเลือนลง และข้าวโอ๊ตยังช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่เสียไปแล้ว ทำให้ผิวของคุณดูสว่างใสมากยิ่งขึ้น สูตรข้าวโอ๊ตรักษาฝ้า ทำได้ดังนี้ คือ

นำข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ นมสด 2 ช้อนโต๊ะ และ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน นำไปทาบริเวณที่เป็นฝ้า หรือมีรอยจุดด่าง ดำ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด ใช้ผ้าสะอาดเช็ดให้แห้ง ควรทำสูตรนี้ประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ทำต่อเนื่องประมาณ 1 เดือนจะเริ่มเห็นผล




7.อัลมอนด์

ปกติแล้วในอัลมอนด์จะมีโปรตีนในปริมาณสูง หากรับประทานเป็นประจำจะทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น นอกจากนั้นยังมีวิตามิน อี ช่วยบำรุงผิวและลบรอยหมองคล้ำบนผิวของเราได้ สูตรอัลมอนด์รักษาฝ้า ทำง่ายๆ ดังนี้

ผสมผงอัลมอนด์กับน้ำผึ้งในปริมาณที่พอเหมาะ นำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ควรทำอาทิตย์ละ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์จนกว่าจะเห็นผล

อีกทางเลือกนึง นำอัลมอนด์แช่ลงไปในน้ำนมให้ชุ่ม จากนั้นนำไปบดให้ละเอียด เติมน้ำผึ้งลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วผสมให้เข้ากัน นำส่วนผสมครีมแก้ฝ้าที่ได้ไปทาบริเวณที่เกิดฝ้า แนะนำให้ทำก่อนนอนแล้วทิ้งไว้จนถึงตอนเช้า พอตื่นขึ้นมาก็ล้างออกด้วยน้ำเย็น แนะนะว่าควรทำทุกวันๆละ 1 ครั้ง ประมาณ 2 อาทิตย์จะเริ่มเห็นผล




8.ฮอร์สแรดิช (Horseradish)

หัวฮอร์สแรดิชสามารถนำมาใช้ในการรักษาฝ้าได้ ซึ่งวิธีนี้มีการใช้มานานแล้ว บ้านเราค่อนข้างหายากหน่อย ฮอร์สแรดิชจะมีคุณสมบัติช่วยกำจัดเซลล์ผิวเพื่อให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ลดรอยหมองคล้ำของผิวหนัง รวมถึงรักษาฝ้า หรือทำให้ฝ้าจางลงได้ วิธีใช้ฮอร์สแรดิชรักษาฝ้า ทำได้ดังนี้

หั่นหัวฮอร์สแรดิชเป็นแว่นๆ จากนั้นก็นำไปถูบริเวณที่มีรอยฝ้า ให้น้ำที่ซึมออกมาจากหัวฮอร์สแรดิชซึมเข้าไปในผิวหนัง ปล่อยไว้ให้แห้งเอง หลังจากที่แห้งแล้วให้ใช้น้ำอุ่นล้างหน้าสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง ควรทำอาทิตย์ละครั้งจนกว่ารอยดำจากฝ้าจะจางหายไป ผสมผงฮอร์สแรดิช 2 ช้อนโต๊ะกับครีมเปรี้ยวปริมาณ 1 ถ้วย ให้เข้ากัน จากนั้นนำไปทาบริเวณที่เป็นฝ้า หรือรอบหมองคล้ำ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น ควรทำอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ทำต่อเนื่องจนกว่าจะเห็นผล



9.มะละกอ

แปปเพ็น เป็นเอนไซม์ชนิดนึงที่พบในมะละกอ เอนไซม์ตัวนี้มีฤทธิ์ในการช่วยให้ผิวหนังผลัดเซลล์ผิวได้ดี โดยช่วยเร่งการกำจัดเซลล์ผิวหนังชั้นนอกที่เสียหรือเสื่อมโทรม ขั้นตอนการใช้มะละกอรักษาฝ้า ทำได้ตามนี้

นำมะละกอสุกมาบดให้เละ ผสมน้ำผึ้งสองช้อนโต๊ะต่อมะละกอสุกบดหนึ่งถ้วยครึ่ง นำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น ควรทำตามสูตรนี้อาทิตย์ละครั้ง ต่อเนื่องกันหลายเดือนถึงจะเห็นผลที่ชัดเจน





10.ไม้จันทน์

ไม้จันทน์เป็นวัตถุดิบอีกตัวนึงที่มีประสิทธิภาพในการทำให้ผิวดูสว่าง ใส ขึ้น นอกจากนั้นไม้จันทน์ยังช่วยให้สภาพผิวดีขึ้นและลดการเกิดฝ้า รอยด่างดำ ต่างๆที่อาจจะเกิดกับผิวได้ มาดูวิธีใช้ไม้จันทน์รักษาฝ้า กันได้เลย

นำผงไม้จันทน์ ผงขมิ้น และนมมาในอัตราส่วนที่เท่ากัน จากนั้นผสมให้เข้ากันจนได้ส่วนผสมที่เหนียวๆ นำส่วนผสมที่ได้จากการเตรียมข้อ 1 มาทาให้ทั่วบริเวณที่เกิดฝ้า แล้วทิ้งไว้จนกว่าส่วนผสมทั้งหมดจะแห้งไปเอง หลังจากที่ส่วนผสมทั้งหมดแห้งแล้ว ให้ใช้น้ำสะอาดลูบบริเวณที่ทาส่วนผสมลงไปให้พอเปียกๆ จากนั้นก็ถูเป็นวงกลมรอบๆ บริเวณที่เป็นฝ้า สุดท้าย ล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง ควรทำตามสูตรนี้ประมาณอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง ทำต่อเนื่องจนกว่าจะเห็นผลที่ชัดเจน

ควบคู่ไปกับการใช้สมุนไพรรักษาฝ้า เราควรที่จะหลีกเลี่ยงแสงแดด อย่าโดนแดดแรงๆ เป็นเวลานานๆ และอย่าลืม หากต้องออกไปสถานที่ที่ต้องโดนแสงแดดเป็นประจำ เราควรทาโลชั่นป้องกันแสงแดดเอาไว้ด้วยเพื่อไม่ให้ผิวของเราโดนรังสียูวีจากดวงอาทิตย์ทำร้าย ควรรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง ดื่มน้ำในประมาณที่มากเพียงพอเพื่อกำจัดท็อกซินและป้องกันไม่ให้เกิดฝ้า จำไว้ว่าการป้องกันคือวิธีรักษาฝ้าที่ดีที่สุด

ขอขอบคุณ : nomoremelasma